เนื่องด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบัน นักลงทุนหลายคนต่างเป็นกังวลว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เห็นได้จากการราคาทองคำที่ยังคงพุ่งไม่หยุดและท่าทีของทรัมป์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับประเทศจีน
หากสมมติว่าในกรณีที่แล้วร้ายที่สุด สงครามโลกครั้งที่ 3ได้เกิดขึ้นจริง ๆ สินทรัพย์ตัวไหนที่เราควรจะถือไว้กับตัวเพื่อป้องกันความเสี่ยง ในบทความนี้เราจะหาคำตอบไปด้วยกัย
อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยสัญชาติแคนาดาอย่าง BCA เปิดเผยว่า ภายในอีก 15 ปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดสงครามครั้งใหญ่อีกครั้ง และแนะนำให้นักลงทุนแบ่งสัดส่วนการจัดพอร์ตให้ประกอบไปด้วย สินค้าโภคภัณฑ์ , สินทรัพย์ในประเทศเป็นกลาง และคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง
ย้อนกลับไปในสงครามโลกสองครั้งที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์คือประเภทของสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ตามมาด้วยหุ้น และพันธบัตรรัฐบาลที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดแม้ว่าจะมีรัฐบาลคอยหนุนหลัง
หากนับเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้อมูลเผยว่าหุ้นในภาคส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ได้เติบโตขึ้นกว่า 23.4% แบบปีต่อปี เนื่องจากต้องมีการผลิตหนังสือไปให้ทหารจำนวนหลายร้อยล้านเล่ม ส่วนหุ้นความบันเทิงเติบโตขึ้น 9.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงภาพยนตร์ ตามมาด้วยหุ้นในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่โตขึ้น 13.3%
อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นจะเติบโตได้ดีในช่วงเวลานั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะไม่ปิดทำการ ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของตนได้ในช่วงเวลานั้น
ทั้งนี้ Juan Correa หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท ร่วมกับ Marko Papic ได้กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ แต่ตอนนี้จีนยังไม่พร้อมที่จะเปิดศึกและทำให้โลกเข้าสู่ยุคสองขั้วอำนาจ ซึ่งทำให้โอกาสที่สงครามจะเกิดภายในปี 2030 มีความเป็นไปได้เพียงแค่ 5% เท่านั้น
ทองคำ VS Bitcoin

แน่นอนว่าเมื่อใดก็ตามที่โลกเผชิญกับวิกฤต ทองคำมักจะเป็นสิ่งแรกที่มนุษย์พึ่งพาในยามยาก เพราะมันถูกใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนมายาวนานหลายพันปี และทุกชาติทุกภาษาต่างก็เข้าใจร่วมกันว่าโลหะสีเหลืองนี้ “มีค่า” ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน หรือมหาอำนาจจะเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม ทองคำก็มีข้อเสียที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถึง 3 ประการ ได้แก่ สภาพคล่อง การขนย้าย และการเก็บรักษา แม้ว่าทองคำจะมีมูลค่าสูงในช่วงสงครามและถ้าคุณไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการสู้รบอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณอยู่ในสนามรบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ประการแรก ในการซื้อขายทองคำ คุณไม่สามารถแบ่งมันได้เพื่อขายส่วนหนึ่ง ถ้าจะขายก็ต้องขายทั้งเส้นหรือทั้งแท่ง ซึ่งทำให้สภาพคล่องทางการเงินค่อนข้างฝืดเคือง นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับปัญหาพ่อค้ารับซื้อที่ลดลงด้วย
ประการที่สอง ทองคำเก็บรักษาได้ลำบากเพราะมันสะดุดตาและเสี่ยงที่จะถูกขโมยได้ง่าย ส่วนประการที่สาม ด้านการขนย้าย ทองคำนอกจากจะมีน้ำหนักมากแล้ว ยังเป็นสินทรัพย์ที่ถูกจำกัดไม่ให้ขนย้ายข้ามประเทศได้ง่าย ซึ่งเป็นปัญหาหนักมาก
ในทางกลับกัน หากพูดถึง Bitcoin จริงอยู่ว่าในภาวะสงครามราคาของ Bitcoin อาจมีการผันผวน แต่หากตัดเรื่องของ “มูลค่าที่อิงกับเงินเฟียต” ไปแล้ว ด้วยธรรมชาติของ Bitcoin เอง มันสามารถแก้ปัญหาทั้งสามอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้ทั้งหมด
Bitcoin สามารถแบ่งส่วนขายได้หลายทศนิยมและสามารถใช้งานได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน Bitcoin ยังสามารถแอบได้มิดชิดเพราะ Hardware wallet มีน้ำหนักที่เบา และยังสามารถเดินทางไปมาโดยไม่ถูกสกัดกั้นอีกต่างหาก นั่นเองจึงทำให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ ท่ามกลางช่วงวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
อ้างอิง : Investing

