ในวันนี้ (15 ตุลาคม 2025) ราคา Bitcoin ได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ $111,718 หลังจากทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $126,198 ไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มกังวลว่าตลาดขาขึ้นอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองว่านี่เป็นเพียงการปรับฐานปกติ และตลาดขาขึ้นยังคงดำเนินต่อไป

CryptoNomad นักวิเคราะห์นามแฝงระบุว่า “นี่ไม่ใช่การกลับตัวของเทรนด์ แต่เป็น correction ปกติในตลาดขาขึ้น เราเพิ่งทำ ATH ใหม่ไปเมื่อ 8 วันก่อน และโครงสร้างเทรนด์ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่” เขากล่าวในรายงานวิเคราะห์ฉบับล่าสุด
วิกฤต Flash Crash เปิดโอกาสให้สะสม
เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ตลาดตื่นตระหนกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม เมื่อราคา Bitcoin ดิ่งลงจาก $122,000 มาแตะ $104,000 ภายในวันเดียว คิดเป็นการลดลง 17% พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงสุดในรอบหลายเดือนที่ 153 พันล้านดอลลาร์ แต่ราคาก็ฟื้นตัวกลับมาที่ $113,000 ได้อย่างรวดเร็ว
“นี่เป็น liquidity sweep หรือการล่า stop loss ของเทรดเดอร์ ไม่ใช่การกลับตัวของเทรนด์” CryptoNomad ได้วิเคราะห์โดยชี้ว่า “ตลาดกำลังกวาดล้าง weak hands หรือนักลงทุนที่ใจไม่แข็งออกไปก่อนที่จะขึ้นต่อ ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติในตลาดขาขึ้น”
นักวิเคราะห์รายนี้ยกหลักฐานหลายประการที่แสดงว่าตลาดขาขึ้นยังคงอยู่ รวมถึง Higher Lows Pattern ที่ราคายังคงทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีการปรับฐาน และที่สำคัญคือราคายังคงอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ $109,000-111,000
Timeline ตลาดคริปโตในช่วงที่ผ่านมา:
- 6-14 ก.ค. : ขึ้นแรงจาก $108,000 → $123,000
- 15 ก.ค. – 31 ส.ค. : Consolidation ระหว่าง $107-120,000
- 1-27 ก.ย. : ปรับฐานลงมาที่ $109,000
- 1-6 ต.ค. : Rally ทำ ATH ใหม่ที่ $126,198
- 7-15 ต.ค. : Pullback มาที่ $111,000 (ปัจจุบัน)
ข้อมูล On-Chain ส่งสัญญาณการสะสม
รายงานวิเคราะห์ยังชี้ไปที่ข้อมูล on-chain ที่แสดงให้เห็นว่ามีการถอน Bitcoin ออกจากตลาดแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มี inflow เข้าสู่ตลาด 38,000 BTC ในวันที่ 8 ตุลาคม ช่วงที่ราคาทำ ATH วันถัดมาจนถึงวันที่ 13 ตุลาคมกลับเห็น outflow ต่อเนื่อง
“การที่ Bitcoin ถูกถอนออกจาก exchange นั้นเป็นสัญญาณของการสะสม โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นสถาบันใหญ่ๆ อย่าง Coinbase Prime และ FalconX มีการถอนเหรียญออกไปเป็นจำนวนมาก” นักวิเคราะห์รายนี้อธิบาย “นี่หมายความว่าผู้เล่นใหญ่กำลังสะสมเหรียญ ไม่ได้นำไปเทขาย”
ตัวชี้วัดความกลัวอยู่ในระดับต่ำ
ข้อมูลจาก Fear & Greed Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความรู้สึกของตลาด ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 39 ซึ่งจัดอยู่ในโซน “Fear” หรือความกลัว CryptoNomadมองว่านี่เป็นโอกาสในการซื้อ เนื่องจากในอดีตโอกาสที่ดีมักเกิดขึ้นเมื่อตลาดกำลังตื่นกลัว

ที่น่าสนใจคือ Bull Market Peak Signals ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่รวบรวมสัญญาณต่างๆ ทั้งหมด 31 ตัว เพื่อบ่งบอกว่าตลาดขาขึ้นใกล้จะสิ้นสุดหรือไม่ ปัจจุบันออกสัญญาณเพียง 0 จาก 31 ตัว “นี่แสดงว่าเรายังอยู่ห่างไกลจากจุดสูงสุดของตลาดขาขึ้นมาก” นักวิเคราะห์กล่าว
นอกจากนี้ AHR999 Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดยอดนิยมในตลาดจีน ขณะนี้อยู่ที่ 0.97 ซึ่งอยู่ในโซนที่เหมาะสมสำหรับการ Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือการซื้อเป็นงวดๆ ตามกรอบเวลา ในขณะที่ Rainbow Chart ก็ให้สัญญาณว่าอยู่ในช่วง “Should Accumulate” หรือควรสะสม
ปัจจัยเศรษฐกิจพื้นฐานหนุน
ด้านปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค นักวิเคราะห์มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อราคา Bitcoin โดย Federal Reserve ได้ลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 4.25% จากเดิม 4.5% ซึ่งทำให้ต้นทุนเงินถูกลงและส่งเสริมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin
อัตราเงินเฟ้อ CPI ลดลงมาอยู่ที่ 2.9% ต่อปี ขณะที่ M2 Money Supply หรือปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น 5.84% ต่อปี “การที่ Fed ลดดอกเบี้ย เงินเฟ้อลดลง และสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin” CryptoNomad วิเคราะห์
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Dollar Index ที่ยังแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 99.41 ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง แม้นักวิเคราะห์จะมองว่ายังไม่ถึงกับน่ากังวลมากนัก
คาดการณ์ฟื้นตัวใน 1-3 สัปดาห์
สำหรับแนวโน้มราคาในระยะสั้น CryptoNomad คาดการณ์ว่าใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า มีโอกาสสูง 60% ที่ราคาจะขึ้นไปอยู่ในกรอบ $115,000-$120,000 โดยมี ตัวเร่งปฏิกิริยาหลักมาจากการหมดอายุของ options และการล้าง short positions ครั้งใหญ่
“ตอนนี้ short liquidations หนาแน่นมากในระดับราคา $113,000-$117,000 ถ้าราคาสามารถทะลุ $115,000 ไปได้จะเกิด cascade effect ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว” เขาอธิบาย
ในระยะกลาง 3-4 สัปดาห์ นักวิเคราะห์ตั้งเป้าหมายที่ $120,000-$126,000 เพื่อทดสอบ ATH อีกครั้ง และมีโอกาสทำ ATH ใหม่ที่สูงกว่า $130,000
ปัจจัยที่จะช่วยผลักดันราคาในช่วงนี้ ได้แก่ การหมดอายุของ options ในวันที่ 14-16 ตุลาคม ซึ่ง max pain อยู่ที่ $113,000-$115,000 การที่ Put/Call Ratio อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้มีโอกาสเกิด short squeeze และข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ที่หากออกมาต่ำกว่าคาด อาจทำให้ Fed พิจารณาลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น
แนะนำกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่ถือ Bitcoin อยู่ CryptoNomad แนะนำให้ “HOLD หรือถือไว้ อย่าเพิ่งขายในตอนนี้ เพราะตลาดขาขึ้นยังไม่จบ” สำหรับผู้ที่มีเงินทุนส่วนเกินสามารถพิจารณา DCA หรือซื้อเพิ่มที่ระดับ $109,000-$111,000 ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง
สำหรับเทรดเดอร์ นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์แบบ conservative คือเข้า long position ที่ระดับ $109,000-$111,000 โดยตั้ง stop loss ที่ $108,000 และเก็บกำไรที่ $117,000 หรือ $122,000 ซึ่งจะได้ Risk to Reward Ratio ประมาณ 1:3
สำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบ aggressive สามารถรอการ breakout ที่ระดับ $113,000-$115,000 ตั้ง stop loss ที่ $111,000 และเก็บกำไรที่ $120,000 หรือ $126,000 ซึ่งจะได้ Risk to Reward Ratio ประมาณ 1:4
ความเสี่ยงที่ควรระวัง
แม้มุมมองโดยรวมจะเป็นบวก แต่นักวิเคราะห์ก็เตือนถึงความเสี่ยงที่ควรจับตามอง โดยเฉพาะหากราคาทะลุแนวรับสำคัญที่ $108,000 ลงไป จะถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกในสัปดาห์นี้ รวมถึง China CPI/PPI และ US PPI หากออกมาแย่กว่าคาด อาจส่งผลกระทบต่อตลาด
“ผมแนะนำให้นักลงทุนติดตามข้อมูล on-chain ทุกวัน โดยเฉพาะ exchange flow ถ้าเห็น inflow spike ขึ้นมาอย่างกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณเตือน” นักวิเคราะห์ CryptoNomad กล่าว
นักวิเคราะห์สรุปว่า “ตลาดขาขึ้นยังไม่จบ เราเพิ่งทำ ATH ใหม่ไปเมื่อแปดวันก่อน มี Higher Lows Pattern, Fear Index ต่ำ, Exchange Outflow ต่อเนื่อง และ Macro Support ดี ทั้งหมดนี้ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าตลาดขาขึ้นยังคงดำเนินต่อไป”
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ได้เป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือการซื้อขายใด ๆ นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

