ตลาดทองคำ (Gold) เผชิญกับการเทขายและปรับฐานครั้งรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ โดยมีการประเมินมูลค่ารวมของตลาดหายไปกว่า $3.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในช่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ (ราคาดิ่ง 9.5% จาก $4,381 สู่ $3,964 ต่อออนซ์) ซึ่งมูลค่าความเสียหายนี้เทียบเท่ากับมูลค่าตลาด (MCAP) ของสินทรัพย์ดิจิทัลหลักทั้ง Bitcoin, Ethereum, Solana, BNB และ XRP รวมกันทั้งหมด
การร่วงลงของราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลบภัยดั้งเดิม (Ultimate Hedge) ถูกมองว่าเป็น “ Altcoin Moment” ของตลาดทองคำ และได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของนิยามคำว่า “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในยุคปัจจุบัน
ปัจจัยขับเคลื่อน: การ Rotation ครั้งใหญ่กำลังเริ่มต้น
ความเสียหายมูลค่ามหาศาลที่เกิดขึ้นในตลาดทองคำ ไม่ได้เกิดจากปัญหาพื้นฐานของโลหะมีค่า แต่เกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยาและมหภาค:
- Profit-Taking และ Dollar Strength: เป็นผลจากการทำกำไร (Profit-Taking) อย่างรุนแรง หลังราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ($4,381) ท่ามกลางความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น
- ยุคสมัยเปลี่ยน: Stability vs. Adaptability: ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การล่มสลายในลักษณะนี้ได้เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (Fundamental Shift) ของนักลงทุนสถาบัน ที่กำลังมองข้ามสินทรัพย์ที่ “เฉื่อยชา” (Inert Store) อย่างทองคำ ไปสู่สินทรัพย์ที่เน้น สภาพคล่อง (Liquidity), ความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) และการเข้าถึงตลอด 24/7 อย่าง Bitcoin
คริปโตจับตา: เงิน $3 ล้านล้านจะไหลไปไหน?
ในชุมชนคริปโตต่างมองว่า การเทขายทองคำครั้งประวัติศาสตร์นี้คือ “จุดเริ่มต้นของการ Rotation ครั้งใหญ่ที่สุด” เข้าสู่ตลาดดิจิทัล:
- Bitcoin คือผู้รับมรดก: นักลงทุนเชื่อว่าเมื่อมูลค่าไหลออกจากทองคำ (Value Exits One Store) ย่อมต้องไหลเข้าสู่ “ทองคำดิจิทัล” (Digital Gold) อย่าง Bitcoin ($BTC) ในที่สุด เนื่องจากมันเป็นสินทรัพย์ที่มีอุปทานจำกัดและมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับระบบการเงินใหม่ได้ดีกว่า
- ความเสี่ยงทางจิตวิทยา: ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การสูญเสียมูลค่า $3 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวของทองคำ ได้ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุนอย่างรุนแรง โดยบีบให้สถาบันต่าง ๆ ต้อง “ทบทวนใหม่” ว่าอะไรคือความมั่นคงที่แท้จริงในโลกที่อัตราเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงสูง
การเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วของทองคำในครั้งนี้ ยืนยันว่า ความผันผวนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตลาดคริปโตอีกต่อไป และกำลังเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพอร์ตโฟลิโอทั่วโลก
ที่มา: @ Ashcryptoreal