คณะกรรมาธิการตุลาการสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ได้เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ที่กล่าวหาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และครอบครัว ว่ากำลังแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจากการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อกอบโกยความมั่งคั่งจากธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซี คิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น ยุคใหม่แห่งการทุจริต ในทำเนียบขาว
ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ “นโยบาย Pro-Crypto” คือฉากบังหน้า
รายงานระบุว่า นโยบายสนับสนุนคริปโตของทรัมป์ แท้จริงแล้วเป็นเพียงแผนการสร้างความร่ำรวยให้กับครอบครัว โดย Jamie Raskin สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแกนนำพรรคเดโมแครต กล่าวโจมตีว่า
“เรายังไม่รู้ที่มาของเงินทั้งหมด แต่สหรัฐอเมริกาไม่เคยเห็นการทุจริตในระดับนี้เกิดขึ้นภายในทำเนียบขาวมาก่อน… วาระ ‘Pro-crypto’ ของทรัมป์ สร้างขึ้นจากข้อตกลงแบบยื่นหมูยื่นแมว (Pay-to-play) และผลประโยชน์ทับซ้อนจากต่างชาติที่แสวงหาช่องทางลับในการเข้าถึงอำนาจ”
รายงานยังอ้างว่า ทรัมป์ใช้อำนาจจากห้องทำงานรูปไข่ในการ
- ชักจูงการลงทุนเข้าสู่บริษัทของครอบครัว (เช่น World Liberty Financial Inc.)
- ปกป้องนักลงทุนของตนจากการสอบสวนคดีฉ้อโกงและหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง
- ลดทอนอำนาจของหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบการติดสินบน
ทำเนียบขาวโต้กลับ “สื่อปั้นน้ำเป็นตัว”
ด้าน Karoline Leavitt โฆษกประจำทำเนียบขาว ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทันที โดยระบุว่ารายงานดังกล่าวเป็นการพยายามกุเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของสื่อ และยืนยันว่าประธานาธิบดีและครอบครัวไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมย้ำว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นผลักดันนวัตกรรมผ่านกฎหมายอย่าง GENIUS Act เพื่อทำให้สหรัฐฯ เป็นเมืองหลวงคริปโตของโลก
จับตาความขัดแย้งท่ามกลางกกฎหมายใหม่
รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในช่วงเวลาสำคัญที่สภาคองเกรสกำลังเจรจากฎหมายโครงสร้างตลาดคริปโต และพรรครีพับลิกันกำลังพยายามลดงบประมาณด้านสาธารณสุข โดยฝ่ายเดโมแครตแสดงความกังวลว่า ทรัมป์กำลังเปิดช่องให้ชาวต่างชาติและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเข้าถึงทำเนียบขาวผ่านการลงทุนในธุรกิจของเขา เพื่อแลกกับอิทธิพลทางนโยบาย ซึ่งอาจกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญหากเดโมแครตสามารถทวงคืนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ในการเลือกตั้งกลางเทอมหน้า
ที่มา: democrat

