สงครามวาทะระหว่างขั้วการลงทุนทองคำและบิตคอยน์ปะทุขึ้นอย่างดุเดือดอีกครั้ง เมื่อ Peter Schiff นักลงทุนทองคำชื่อดังและคู่ปรับตลอดกาลของ Bitcoin ได้ออกมาโพสต์ข้อความโจมตี Michael Saylor ประธานกรรมการบริหารของ MicroStrategy ($MSTR) ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยทำนายว่าเหตุการณ์ในวันนี้ถือเป็น “จุดเริ่มต้นของจุดจบ” สำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ผันตัวมาถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้
ประเด็นร้อนที่จุดชนวนการวิพากษ์วิจารณ์ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ MicroStrategy ประกาศระดมทุนผ่านการขายหุ้น (At-the-market) เพื่อสำรองเงินสดดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนมหาศาลกว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปชำระภาระดอกเบี้ยและจ่ายเงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิล่วงหน้าอย่างน้อย 12 เดือน ซึ่ง Schiff มองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนจุดยืนอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่บริษัทมุ่งระดมทุนเพื่อนำไปไล่ซื้อ Bitcoin มาโดยตลอด เขาจึงกล่าวหาอย่างรุนแรงว่า Saylor ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องขายหุ้นเพื่อแลกเป็นเงินดอลลาร์มาพยุงฐานะทางการเงิน ไม่ใช่เพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์อีกต่อไป พร้อมทั้งตราหน้าว่าโมเดลธุรกิจของ MicroStrategy นั้น “ล้มเหลว” เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง และเรียก Michael Saylor ว่าเป็น “นักต้มตุ๋นที่ใหญ่ที่สุดใน Wall Street”
ท่ามกลางราคาหุ้น MSTR ที่ปรับตัวลดลงกว่า 60% จากจุดสูงสุดมาซื้อขายที่ระดับใกล้ 177 ดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะตลาด Bitcoin ที่ซบเซา Schiff พยายามชี้ให้เห็นว่ามูลค่าพรีเมี่ยมของหุ้นที่เคยพุ่งสูงจากความเชื่อมั่นใน Bitcoin กำลังกัดเซาะลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม มุมมองของเขากลับถูกโต้แย้งทันควันจากชุมชนคริปโตเคอร์เรนซี โดยนักลงทุนหลายรายมองต่างมุมว่า การที่ MicroStrategy สามารถระดมเงินสดได้มหาศาลในภาวะตลาดขาลงเพื่อมาสำรองจ่ายหนี้ โดยที่ไม่ต้องขาย Bitcoin ในคลังที่มีอยู่กว่า 650,000 BTC ออกมาแม้แต่เหรียญเดียว ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ชาญฉลาดและช่วยลดแรงกดดันทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ
กระแสตอบรับในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่า Peter Schiff มีอคติส่วนตัว โดยผู้ใช้งานหลายรายได้เข้ามาแสดงความเห็นตอบโต้ว่า Schiff มักทำนายการล่มสลายของ Bitcoin ผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปรียบเทียบผลตอบแทนของแร่เงินและทองคำที่เขาเชียร์ว่าแทบไม่ขยับไปไหน เมื่อเทียบกับการเติบโตของ Bitcoin ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่รุนแรงในครั้งนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันและความท้าทายที่ MicroStrategy ต้องเผชิญ ในการพิสูจน์ความยั่งยืนของกลยุทธ์ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน
ที่มา: @PeterSchiff

