เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX ได้กลับมาปลุกแนวความคิดใหม่ให้กับทุกคนอีกครั้ง หลังเขาได้ขึ้นพูดในงาน U.S.-Saudi Investment Forum และยืนยันว่า ภายใน 10–20 ปีข้างหน้า มนุษย์อาจ “ไม่จำเป็นต้องทำงาน” อีกต่อไป เพราะ AI และหุ่นยนต์จะสามารถทำงานแทบทุกอย่างแทนคนได้อย่างสมบูรณ์
ชายผู้เป็นเจ้าของธุรกิจแห่งอนาคตแทบทุกอย่างที่คุณนึกออก เขาเชื่อว่าโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุค Post-Scarcity Economy หรือยุคที่ทรัพยากรถูกผลิตได้ไม่จำกัดผ่านระบบอัตโนมัติ ทำให้ผู้คนจะทำงานเพราะ “อยากทำ” มากกว่าเพราะ “ต้องทำเพื่ออยู่รอด”
Musk มองว่าเมื่อ AI สามารถผลิตสินค้าและบริการได้เองอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เรียกว่า “เงิน” อาจจะค่อยๆ หมดความสำคัญลงไป เพราะระบบจะจัดสรรทรัพยากรให้คนเข้าถึงได้โดยไม่ต้องแข่งขันกันเหมือนในยุคปัจจุบัน แนวคิดนี้ ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเทียบกับโลกไซไฟที่มนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกับ AI โดยไม่ได้อิงระบบรายได้หรือความขาดแคลนแบบเดิม
เทคโนโลยีที่จะผลักโลกไปสู่จุดนั้นคือ โครงการ Tesla Optimus หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ Musk เชื่อว่าจะกลายเป็น “แรงงานหลักของโลก” ในอนาคต แม้โครงการจะยังมีความล่าช้า แต่เขามั่นใจว่าหากผลิตเชิงพาณิชย์ได้จริง มันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมของระบบแรงงานทั่วโลก พร้อมย้ำว่าในระยะยาว มูลค่ากว่า 80% ของ Tesla จะมาจากธุรกิจหุ่นยนต์มากกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานเตือนว่า แม้ AI จะเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง แต่ก็เสี่ยงทำให้ความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น หากผลประโยชน์จากเทคโนโลยีกระจุกตัวอยู่ในมือบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่ราย พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า หากมนุษย์ไม่ต้องทำงานแล้ว สังคมจะนิยามคุณค่าและความหมายของชีวิตอย่างไรต่อไป
ทั่วโลกกำลังจับตาคำพูดของ Elon Musk ในงานนี้ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณว่า การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติอาจอยู่ใกล้มากกว่าที่เราคิด และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนิยามคำว่า “งาน” และ “เงิน” ใหม่ทั้งหมดในศตวรรษนี้
ที่มา: yahoo.finance