เครือข่าย Ethereum (ETH) กำลังเผชิญกับสภาวะที่ดูขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ค่าธรรมเนียมการใช้งานเครือข่าย (Network Fees) ปรับตัวลดลงอย่างหนักถึง 62% ในเดือนที่ผ่านมา แต่ราคาเหรียญ ETH กลับพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันอังคาร
นักเทรดบางส่วนเริ่มกังวลว่ากิจกรรมบนเครือข่ายที่ซบเซาลงอาจเป็นตัวฉุดรั้งราคาในระยะสั้น แต่ข้อมูลเชิงลึกกลับชี้ให้เห็นว่า “โมเมนตัม” ของ Ethereum ได้ย้ายไปเติบโตบน Layer-2 แทน
ค่าธรรมเนียมร่วง เพราะคนหนีไป Layer-2?
ข้อมูลจาก Nansen ระบุว่า ค่าธรรมเนียมเครือข่าย Ethereum ในช่วง 30 วันลดลงถึง 62% ซึ่งมากกว่าการลดลงของคู่แข่งอย่าง Tron หรือ Solana อย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม นี่อาจไม่ใช่สัญญาณของ “ความต้องการที่ลดลง” เสมอไป เพราะกิจกรรมบนเครือข่าย Layer-2 (L2) กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย Base ธุรกรรมพุ่งขึ้น 108% และ Polygon ธุรกรรมเพิ่มขึ้น 81%
นอกจากนี้ การอัปเกรด Fusaka เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Rollup ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ค่าธรรมเนียมเครือข่ายโดยรวมลดต่ำลง
เศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนราคา – TVL ลดแต่ยังครองแชมป์
ราคา ETH ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ (ยอดเลิกจ้างเดือนตุลาคมพุ่ง 1.85 ล้านตำแหน่ง) ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธนี้
แม้ว่ามูลค่าสินทรัพย์รวมที่ถูกล็อก (TVL) บน Ethereum จะลดลงจาก 1 แสนล้านดอลลาร์ เหลือ 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้จาก DApp จะแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน แต่ Ethereum ก็ยังคงครองส่วนแบ่งตลาด DeFi สูงถึง 68% ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับสองอย่าง Solana ที่มีส่วนแบ่งต่ำกว่า 10% อย่างไม่เห็นฝุ่น
สรุปแล้ว แม้ค่าธรรมเนียมและ TVL บน Base Layer จะลดลง แต่การเติบโตของ Layer-2 และปัจจัยมหภาคยังคงช่วยพยุงราคา ETH ไว้ได้ โดยข้อมูลชี้ว่ายังไม่มีสัญญาณความอ่อนแอของราคาที่มีนัยสำคัญ
ที่มา: cointelegraph

