<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เทรนด์ใหม่คนรวยเอเชีย! 6 ใน 10 เศรษฐีหันมาถือคริปโตเพิ่มสวนกระแสตลาดผันผวน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่านักลงทุนชาวญี่ปุ่นเริ่มชะลอการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีเนื่องจากมาตรการภาษีที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้มีความมั่งคั่ง

อ้างอิงจากรายงาน APAC HNWI ปี 2025 ของธนาคาร Sygnum ระบุว่า กว่า 87% ของผู้มีความมั่งคั่งในเอเชียได้ลงทุนในคริปโทฯ เรียบร้อยแล้ว โดยมีสัดส่วนสูงถึง 17% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น 6 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่างผู้มีความมั่งคั่งสูงเปิดเผยว่ามีแผนจะเพิ่มการลงทุนในส่วนนี้ เนื่องจากเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วง 2-5 ปีข้างหน้า

การสำรวจได้สุ่มกลุ่มตัวอย่างจำนวน 270 รายที่กระจายตัวอยู่ในสิงคโปร์, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้ และไทย ซึ่งแต่ละรายมีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประสบการณ์การลงทุนมากกว่า 10 ปี

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจพบว่า 90% ของเศรษฐีชาวเอเชียกลุ่มนี้ มองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็น “เครื่องมือสำคัญในการรักษาความมั่งคั่งระยะยาวและการส่งต่อมรดก” ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองที่เปลี่ยนไปจากการเป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร

คนรวยลงทุนอะไรกันบ้าง?

รายงานเปิดเผยว่ากว่า 80% ของเศรษฐีผู้ที่ลงทุนในคริปโตเลือกลงทุนในโปรโตคอลใหญ่ๆ เช่น Bitcoin , Ethereum และ Solana โดยสาเหตุสำคัญที่พวกเขาเลือกลงทุนเป็นเรื่องของการกระจานความเสี่ยงของพอร์ต ซึ่งคิดเป็น 56% ของผู้ร่วมวิจัย

Gerald Goh ผู้ร่วมก่อตั้ง Sygnum ชี้ให้เห็นว่า แม้สินทรัพย์ดิจิทัลจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่กลับมีอัตราการยอมรับที่รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหมู่นักลงทุน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าปัจจัยพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซีได้เปลี่ยนผ่านจากการเป็นเพียงสินทรัพย์สำหรับเก็งกำไร ไปสู่การเป็นสินทรัพย์ระดับสถาบันการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในปัจจุบัน นักลงทุนไม่ได้เข้ามาในตลาดเพียงเพื่อแสวงหาผลกำไรระยะสั้นเหมือนในช่วงปี 2017 อีกต่อไป แต่มองไปที่วิสัยทัศน์การลงทุนระยะยาวระดับ 10-20 ปีแทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมุมมองและพฤติกรรมของนักลงทุนกลุ่มนี้เอง คือเครื่องยืนยันสำคัญว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่มา : Cointelegraph

ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง