<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

7 ประเภทของ NFT ที่นักสะสมควรรู้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

NFT หรือ Non-fungible token กำลังกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในโลกคริปโตขณะนี้ โดยเทรนด์ดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงยุคทองของ DeFi อย่าง ‘DeFi Summer’ เมื่อช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ขับเคลื่อนโดยเหล่านักลงทุนทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ทั้งจากนักลงทุนเดิมที่อยู่ในตลาดคริปโตอยู่แล้ว และจากนักลงทุนในโลกการเงินแบบดั้งเดิม ที่ต่างให้ความสนใจอยากครอบครองเจ้า NFT สินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชนนี้กันทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม NFT นั้นมีกรณีการใช้งานที่หลากหลายและมีประเภทของการใช้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ในวงการศิลปะ, เพลง, ของสะสม, Item ในเกม หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ ที่ล้วนสามารถใช้ NFT แสดงความเป็นเจ้าของได้ทั้งสิ้น ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกรณีการใช้งานของ NFT ในประเภทต่าง ๆ กัน

ผลงานศิลปะ NFTs

NFT art เป็นงานศิลปะที่มาในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับ NFT ลักษณะเฉพาะของ NFT art คือรายละเอียดการซื้อขายงานศิลปะประเภทนี้ (เช่น ผู้ซื้อ ผู้ขาย ราคา) จะถูกบันทึกลงไปในระบบ Blockchain ลักษณะพิเศษของระบบกระจายอำนาจในการประมวลข้อมูลนี้ทำให้ข้อมูลการซื้อขายไม่สามารถถูกแก้ไขหรือถูกลบออกจากระบบได้ 

อย่างไรก็ตามการซื้อขายงานศิลปะในรูปแบบใหม่ในพื้นที่จะไม่สามารถจับต้องได้ (intangible) การซื้อขาย และสะสมผลงานจะเกิดขึ้นผ่าน application หรือ web browser บนหน้าจอดิจิทัลเท่านั้น

ของสะสม NFTs

หลายคนอาจจะมองว่า วงการ NFT นั่นมีแค่งานศิลปะเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมองไปทางไหนก็มีแต่นักวาด ครีเอเตอร์ที่ทำงานด้านกราฟิกออกผลงานใน NFT กันเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นเว็บ foundation.app หรือ opensea.io แต่จริง ๆ แล้ว NFT สามารถใช้งานในรูปแบบของสะสมได้ด้วย

ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการ์ดสะสมนักกีฬาอย่าง NBA Top Shot , PancakeSwap Bunny  หรือ Binance Anniversary NFT ที่มีความต้องการอย่างมากสำหรับกรณีการใช้งานของสะสมดิจิทัล 

ไม่เว้นแม้แต่ โพสต์ทวีตแรกของนาย Jack Dorsey ก็ถือเป็นกรณีการใช้งานตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับกรณีของสะสมดิจิทัลเช่นเดียวกัน 

โดย NFT แต่ละ NFT จะถูกลงนามโดย Twitter @handle ของผู้สร้างที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งหมายความว่าจะมีเพียงผู้สร้างเพียงเท่านั้นที่สามารถสร้างทวีตของตนเป็น NFT ได้ กระบวนการนี้จะถูกสร้างในรูปแบบของสะสมหายาก เพื่อเก็งกำไรหรือเก็บสะสม แนวคิดในการขายโพสต์ทวีตอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสักหน่อย แต่นี่เป็นตัวอย่างที่ดีในการอธิบายว่า NFTs สามารถสร้างใช้เป็นของสะสมดิจิทัลได้อย่างไร  

การเงิน NFTs

ในส่วนของการเงินรูปแบบกระจายอำนาจ (DeFi) NFT ก็ได้มอบผลประโยชน์ทางการเงินแบบซ้ำใครเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะมาในรูปแบบของ Art work และมูลค่าของมันจะมาจากการใช้งานบนแพลตฟอร์ม

ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม JustLiquidity ที่ได้นำเสนอรูปแบบของการ Stake NFT ที่ผู้ใช้สามารถ Stake โทเค็นบน Pool ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งและรับ NFT เพื่อใช้ในการเข้าถึง Pool ถัดไป โดย NFT จะทำหน้าที่เสมือนเป็นบัตรผ่านและจะถูก Burn ทิ้งทันทีเมื่อคุณเข้าร่วมใน Pool ใหม่  

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ คอมโบเซ็ตอาหาร NFT ของ BakerySwap ที่มอบรางวัลในการ Stake ให้กับผู้ถือเหรียญ BAKE ด้วยคอมโบเซ็ต NFT ที่ใช้ในการเพิ่มผลตอบแทนจากการ Stake ตามจำนวนตัวแปรใน Pool ซึ่งคอมโบเซ็ตเหล่านี้สามารถขายในตลาดรอง หรือใช้ในการ Stake บนแพลตฟอร์มได้

เกม NFTs

เกม NFT นี้เรียกได้ว่าถืออีกหนึ่งกรณีการใช้งาน NFT ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้เราได้มาซึ่ง Token จากการเล่นเกมเป็นผลตอบแทน หรือเอาตามภาษาบ้าน ๆ  ก็คือ เล่นเกมแล้วได้เงินนั่นแหละ หลายคนเลยมาก้าวเข้าสู่วงการนี้กันเยอะมาก 

ยกตัวอย่างเช่นเกม NFTs ที่ประสบสำเร็จในปัจจุบันอย่าง Axie Infinity เกมแนว Play to Earn (คือเล่นแล้วได้เงิน) โดยหลัก ๆ ของเกมนี้คือ เค้าจะให้เราหาเหรียญ Token จากการเลี้ยงดูมอนเตอร์ ซึ่งเราจะต้องประคบประหงมดูแลมอนเตอร์ ตั้งแต่การดูแลเบื้องต้น ไปจนถึงการเพิ่มทักษะต่างๆ โดยทักษะตรงนี้จะเป็นตัวแปรที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย และเราก็สามารถนำไปต่อยอดเพื่อให้ได้เงินมาได้ ตั้งแต่การฟอร์มทีมแล้วพาไปต่อสู้ การผสมพันธุ์ ล่าไอเทมต่างๆ เสร็จแล้วก็นำไปขาย เป็นต้น

เพลง NFTs

เช่นเดียวกับไฟล์ภาพหรือวิดีโอ คุณสามารถแนบไฟล์เสียงเพื่อรวมเข้ากับ NFT ในการสร้างของสะสมดิจิทัลได้  ซึ่งการแนบเพลงเข้ากับ NFT นั้นก็จะคล้ายกับผลงานศิลปะที่กล่าวไปข้างต้น แต่จะมีกรณีการใช้งานอื่น ๆ เพิ่มเติม

ปัจจุบันปัญหาใหญ่สำหรับบรรดานักดนตรีก็คือ การรับส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ที่ยุติธรรม และกรณีการใช้ของเพลง NFTs นี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ 

ยกตัวอย่างเช่น Rocki แพลตฟอร์มแพลง NFTs ที่รันอยู่บนเครือข่าย Binance Smart Chain ที่จะขายค่าลิขสิทธิ์และผลงานเพลงให้กับทางค่ายเพลงหรือนักสะสม จากนั้นจะนำสร้างมาแบ่งให้กับผู้สร้างสรรค์ผลงานอีกที

อย่างไรก็ตามโมเดลนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการยอมรับของบริการสตรีมมิ่งขนาดใหญ่ การรวมเพลงเข้ากับ NFT เป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมสำหรับกรณีการใช้งาน แต่อาจเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสำเร็จโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากค่ายเพลง

NFT สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง

การเชื่อมโยงสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงกับ NFT ถือเป็นหนึ่งวิธีในพิสูจน์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ยกตัวอย่างเช่น การแปลงอสังหาริมทรัพย์ไปเป็น NFT บนบล็อคเชน

โดยก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน 2021 นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Shane Dulgeroff ได้เปิดประมูลขายคริปโทอาร์ท (Cryptoart) ที่มาพร้อมกับบ้านขนาดสองห้องนอนในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่จับต้องได้ โดยมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ $117,000 หรือประมาณ 3.6 ล้านบาท ในขณะนั้น

เมื่อพูดถึงสินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องประดับ NFT ก็สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่ถูกต้องได้ด้วยเช่นกัน เมื่อมันถูกนำไปขายต่อ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องเพชรที่ปกติแล้วมักจะมาพร้อมกับใบเซอร์รับรอง แต่การใช้ NFT จะทำการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของในรูปแบบดิจิทัลแทนที่วิธีการแบบเดิม ๆ

ลอจิสติกส์ NFTs

แน่นอนว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนก็มีประโยชน์ในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสมบัติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้และตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลห่วงโซ่อุปทานยังคงเป็นของแท้และสามารถเชื่อถือได้ สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร, สินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าที่เน่าเสียง่ายอื่น ๆ โดยสิ่งสำคัญผู้ใช้ต้องการคือ การรู้ว่าพวกมันถูกผลิตขึ้นที่ไหนและจะหมดอายุลงเมื่อใด ยกตัวอย่างเช่น :

  • รองเท้าหรูคู่หนึ่งถูกสร้างขึ้นที่โรงงานในอิตาลี และมีการกำหนดให้ข้อมูล NFT สามารถแสกนได้บนบรรจุภัณฑ์เพื่อทำตรวจสอบ
  • ข้อมูล Meta จะมีการประทับเวลาจะแสดงถึงช่วงเวลาที่เกี่ยวกับ รวมถึงสถานที่ผลิตรองเท้า
  • เมื่อผลิตภัณฑ์เข้ากระบวนการผลิตจะมีการสแกน NFT และเพิ่มข้อมูล Meta ที่มีการประทับเวลา ข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงที่ตั้งของคลังสินค้าและเวลาที่จัดส่งหรือเวลาที่เริ่มต้นออกเดินทาง
  • เมื่อรองเท้ามาถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายแล้ว ร้านค้าสามารถสแกนและทำเครื่องหมายว่าได้รับสินค้าแล้ว โดยจะมีประวัติรายละเอียดที่แน่นอนเพื่อใช้ในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของรองเท้าและเส้นทางการขนส่ง