ไม่ว่าจะเพื่อนหนีหาย แฟนไม่เข้าใจ พ่อกับแม่ห้าม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทางเราไม่ได้เอ่ยถึง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นักลงทุน cryptocurrency บางคนอาจต้องเผชิญเป็นเรื่องทั้งที่ปกติและไม่ปกติ ทว่าความไม่เข้าใจนั้นอาจจะเทียบไม่ได้กับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่นักลงทุนทุกคนต้องเผชิญนั่นก็คือการ “ติดดอย”
นอกเหนือจากนี้แล้วอะไรคือสิ่งที่เราเห็นกันจนชินตาล่ะ?
ทางสยามบล็อกเชนได้ทำการรวบรวม 7 กลุ่มคนที่นักลงทุน Bitcoin และ cryptocurrency มักจะเจอเป็นเรื่องปกติ
กองเชียร์ (ให้ล่ม)
“จะไปเล่นทำไม มันไม่มีค่าอะไรเลย” หรือ “มันเป็นฟองสบู่เดี๋ยวก็แตก” มักจะเป็นคำกล่าวที่เราได้เห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ว่ามันจะมาจากแม่ของคุณ, จากเพื่อนของคุณ หรือจากคนบนอินเทอร์เนต สิ่งที่คุณสามารถสังเกตได้จากกองเชียร์เหล่านี้ก็คือพวกเขาจะคอยติดตามคุณดูอย่างสนใจ เพื่ออยากจะให้มันเป็นไปตามที่พวกเขากล่าวไว้ แต่น่าสงสารพวกเขา ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่พวกเขาคาดหวังจะไปกันคนละทิศคนละทาง
ไม่ว่าคำเชียร์ให้ล่มจะมาในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ผู้ลงทุนต้องทราบและทำความเข้าใจก็คือ พวกเขาเหล่านั้นอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาเทคโนโลยีเหมือนกับคุณ หรืออาจจะโดนแม่ค้าหน้าปากซอยเป่าหูจนทำให้แม่ของคุณกลัวจนต้องมาห้ามปรามคุณในภายหลัง
วิธีการแก้ไข – พยายามอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจนั้นเข้าใจ พร้อมให้ความรู้พวกเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอันแสนวิเศษนี้
กองเชียร์กลับใจ
“เฮ้ยนาย Bitcoin มันเล่นยังไงหรอ” หรือ “รู้งี้เราเชื่อที่นายบอกตอนนั้นให้ซื้อซะก็ดี” มักจะเจอหลังจากที่กลุ่มเพื่อน ๆ ของคุณที่ตกอยู่ในกลุ่มข้อแรก เปลี่ยนใจหลังจากที่พวกเขาเข้าใจเทคโนโลยีและหลักเศรษฐศาสตร์อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายน้อยลงถ้าหากพวกเขาพยายามศึกษาให้เข้าใจให้เร็วกว่านี้ในขณะที่ราคาของ Bitcoin กำลังต่ำ เมื่อพวกเขา “ตกรถ” ไม่ว่าจะเพราะพยายามเข้าใจช้า หรือใช้เวลาในการขน ego ของตัวเองไปโยนทิ้งช้าเกินไป แต่ตกรถอย่างไรก็คือตกรถ อดีตไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
วิธีการแก้ไข – ให้ลองเปิดข่าวเกี่ยวกับการวิเคราะห์ราคาของผู้มีอิทธิพลและคนดังอย่างนาย John McAfee หรือ Mike Novogratz ให้เพื่อนของคุณอ่านเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการลงทุน ที่สำคัญอย่าลืมสอนเพื่อนของคุณถึงคำว่า ‘HODL’ ด้วย
กูรูมือใหม่แสนมั่นใจ
แม้ว่าในโลกของ cryptocurrency จะเต็มไปด้วยกลุ่มคนหลายประเภท แต่หนึ่งในประเภทที่ทำให้ต่อมความเบื่อหน่ายของคุณทำงานแรงกว่าปกติดูเหมือนจะหนีไม่พ้นประเภท กู(รู้) มือใหม่ที่พกความมั่นใจมาเต็มร้อยหลังจากศึกษาคริปโตได้ไม่นาน
เขาเหล่านั้นจะใช้เวลาในการโพสความเห็นส่วนตัวในกลุ่มบน Facebook หรือ Telegram ที่ถี่มาก ๆ จนทำให้แอดมินกลุ่มถึงกับต้องตั้งคำถามว่า “ทำไมถี่จัง” และรวมถึงการวิเคราะห์ราคาที่ดูเหมือนว่าถ้ามันเป็นไปตามที่เขากล่าวไว้ โลกทั้งใบจะต้องตกเป็นหนี้บุญคุณของเขาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่เป็นไปตามที่เขาทำนายไว้ (ซึ่งมักจะบ่อย) ก็อาจจะทำให้มือใหม่ที่หลงเชื่อต้องเกิดอาการ “ดอย” หรือ “ตกรถได้”
วิธีการแก้ไข – Block
นักปั่นแชทเว็บเทรด
Troll box หรือแชทแบบไร้ตัวตนที่ใครอยากจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์ได้นั้นดูเหมือนว่าจะมีมาแต่ช้านานตั้งแต่สมัย Pirch หรือ ICQ (หากคุณไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร โปรดเดินผ่านไปและอย่าหันหลังมาถามอายุของผู้เขียน) ที่ดึงดูดกลุ่มคนทุก ๆ แขนงให้เข้ามาร่วมวงสนทนากันอย่างคับคั่ง
หากนำมันมาผสมกับตลาดกระดานซื้อขาย สิ่งที่คุณจะได้ก็คือความยุ่งเหยิงในขั้นวิกฤตแบบไม่มีอะไรมาเปรียบได้ ลองจินตนาการถึงห้องซื้อขายหุ้นที่ NYSE แบบที่ทุก ๆ คนใส่หน้ากากไม่เปิดเผยตัวตน และต่างคนต่างสบถถ้อยคำหยาบคายกันอย่างสนุกสนาน บางคนที่คล้อยตามไปกับกระแสนั้นอาจส่งผลทำให้ต้องขาดทุนย่อยยับถึงกับยอมขาย Bitcoin ทิ้งก่อน และยอมขายบ้านขายรถตามเลยทีเดียว (กรณีหลังอาจมีน้อย แต่เราต้องการให้มันได้อรรถรส)
ไม่ว่าจะ “สมศักดิ์” หรือใครก็ตาม สิ่งที่คุณควรจะพึงระวังไว้ก็คืออารมณ์ของตัวคุณเอง และให้คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นคือ noise ที่คอยจะมาก่อกวนคุณในทุก ๆ ฝีก้าวของการเทรด หากคุณไม่คล้อยตามเสียแต่แรก ก็ไม่มีอะไรมาทำร้ายการเก็งกำไรของคุณได้แน่นอน
วิธีแก้ไข – ปิด chat แล้วเลื่อนบราวเซอร์ลงมาข้างล่างให้พอดี
นักแขวะ
ความแตกต่างระหว่างนักแขวะกับกองเชียร์นั้นดูเหมือนว่าจะมีเส้นบาง ๆ คั่นกันอยู่นิดเดียวซึ่งคุณจะต้องแยกให้ออก กองเชียร์นั้นคือกลุ่มผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวมาก่อน แต่สามารถเรียนรู้ได้ ในขณะที่กลุ่มนักแขวะคือคนที่รู้เทคโนโลยีแล้ว แต่ไม่สนใจ เพราะพวกเขาลงทุนอย่างอื่นอยู่ (มักจะพบได้ในหมู่นักลงทุนหุ้นและทองคำ)
พวกเขามักจะมาพร้อมกับคำวิเคราะห์ความยาวหลายหน้ากระดาษที่ทำให้คุณต้องกดปุ่ม “อ่านต่อ” แทบไม่ทัน เนื้อหาหลัก ๆ นั้นมักจะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่เสียดสี และการวิเคราะห์ที่อยู่ในโลกอนาคตที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ (แต่พวกเขารู้ ซึ่งน่าสนใจมาก) เช่น “มันจะเป็นฟองสบู่แน่ ๆ” หรือ “ราคามันจะเหลือศูนย์ ใครโง่ซื้อก็ปล่อยมันไปแล้วจะมาสมน้ำหน้าตอนหลัง”
หากคุณคิดว่า Jamie Dimon แย่แล้ว พวกเขาเหล่านี้อาจทำให้นาย Dimon ดูกลายเป็นของหวานหลังอาหารคาวไปเลย อย่างน้อยนาย Dimon ก็ยังมาเผย (โดยไม่ตั้งใจ) ตอนหลังว่าบริษัทของเขาแอบซื้อ Bitcoin แต่นักแขวะเหล่านี้ไม่แม้แต่จะโอนเงินเข้าเว็บเทรดเพื่อลองทดสอบดูความผันผวนของมันเลยแม้แต่นิดเดียว
ในขณะที่หุ้นหรือราคาสินค้าเทรดของพวกเขาขึ้นกว่า 5-10% พวกเขาต้องมานั่งดูราคาของ Bitcoin พุ่งไปกว่า 1,500% ในปีที่แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเท่าไรนักกับการอยากแสดงความเห็นของพวกเขา
วิธีแก้ไข – ปิด Facebook หรือ Pantip และกำไรต่อไป
ลูกทีมแชร์ลูกโซ่เงินดิจิตอล
เมื่อชื่อเสียงของ Bitcoin นั้นไปไกลแทบจะทั่วทุกมุมโลก ส่งผลทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เกิดขึ้นมามากมาย บางคนเป็นนักเทรด บางคนเป็นนักพัฒนาเทคโนโลยี บางคนเป็นนักธุรกิจคอยเปิดเว็บเทรด แต่โชคร้ายที่บางคนเป็นมิจฉาชีพหลอกลวง แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือหลอกลวงใน scale ที่ใหญ่มากเสียด้วย
คุณอาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกลุ่มคนที่ถูกล้างสมองด้วยการเรียกไปเข้าห้องประชุมขนาดเล็ก มีเวทีข้างหน้าห้อง มีเก้าอี้วางหลายตัว และมีแม่ทีมที่มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวขั้นสูง พอสมควร เนื่องจากว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีพลังแห่งความเชื่อที่รุนแรงยิ่งกว่าสนามแม่เหล็กของโลกเราเสียอีก ไม่ว่าคุณจะพยายามอธิบายให้เขาฟังด้วยข้อเท็จจริงมากขนาดไหน ยกหลักฐานมาอ้างอิงเพียงใด พวกเขาก็จะยังคงไม่รับฟังคุณ
ตรงกันข้าม สิ่งที่พวกเขาทำได้นั้นคือการกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาถูกล้างสมองมาแบบเป็น pattern เช่น “รอก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวจะได้เห็นเอง” หรือ “coinmarketcap เชื่อไม่ได้หรอก”
ที่น่าตกใจที่สุดก็คือ มีรายงานว่ามีการสร้างสื่อและหลักฐานปลอมออกมาล้างสมองลูกทีมที่น่าสงสารเหล่านี้อีกด้วย
วิธีแก้ไข – ทำอะไรไม่ได้ ต้องทำใจอย่างเดียว และให้พวกเขา “เรียนรู้” ด้วยตนเอง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น