<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักศึกษาชาวจีนถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ในคดีฉ้อโกงคริปโต! คดีแรกของประเทศจีน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่ได้รับความสนใจอย่างมากในประเทศจีน  โดยนักศึกษาวิทยาลัยที่ชื่อ Yang Qichao ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี 6 เดือน และถูกปรับ 30,000 หยวน (ประมาณ 41,000 ดอลลาร์)  ในความผิดฐาน “ปลอมแปลง”  ออกสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า BFF บนบล็อกเชน BNB ของ Binance

คดีนี้เกิดขึ้นที่ศาลประชาชนเขตพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคหนานหยาง ในมณฑลเหอหนาน ถือเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นคดีแรกของจีน  เนื่องจากจีนมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ห้ามประชาชนเข้าร่วมในกิจกรรมการออกเหรียญ ซื้อขาย หรือการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้

การพิจารณาคดีอาญาเกี่ยวกับการฉ้อโกงคริปโต

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2022 เมื่อ Yang Qichao นักศึกษาอาวุโสของมหาวิทยาลัยใน Zhejiang ได้สร้างสกุลเงินคริปโต (digital virtual currency) ที่เรียกว่า “Blockchain Future Force” (BFF) บนเครือข่าย Binance 

คดีนี้มีการกล่าวถึงพฤติกรรมของ Yang Qichao ที่ปั่นราคาสกุลเงินดิจิทัล BFF  โดยการนำเงินเข้าไปซื้อ เพื่อหวังให้ราคาของ BFF สูงขึ้น จากนั้นจึงทำการถอนเงินที่อัดฉีดเข้าไปในสกุลเงิน BFF ออก ทำให้มูลค่าของเหรียญ BFF ลดลงอย่างมาก ซึ่ง Luo เป็นบุคคลหนึ่งที่ซื้อเหรียญ BFF เขาสูญเสีย 50,000 เหรียญ USDT ของ Tether (เทียบเท่าประมาณ 330,000 หยวน)

ทนายความของ Yang Qichao กล่าวแย้งว่า  Luo ผู้เสียหายในคดีนี้ ถือเป็น “ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลอยู่แล้ว ”  ดังนั้น Luo น่าจะรับรู้ถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอยู่

ทนายความยืนยันว่า Luo มี “ความเข้าใจที่ชัดเจน” เกี่ยวกับลักษณะการเก็งกำไรของการลงทุนคริปโต และยอมรับว่าอุตสาหกรรมขาดการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ 

ทนายความตั้งคำถามว่า การตัดสินใจของ Luo ในการแลกเปลี่ยนเหรียญ 50,000 USDT เป็นเหรียญ BFF นั้น เป็นผลมาจากการตัดสินที่ผิดหรือไม่ เนื่องจากธุรกรรมคริปโตมีความเสี่ยงในการลงทุน

ผลกำไรท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง

ในระหว่างการพิจารณาคดี ประเด็นที่ว่าสกุลเงินคริปโตควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายอาญาหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอยู่ 

แม้ว่าสกุลเงินคริปโตจะไม่ได้มีคุณลักษณะเป็นสกุลเงินตามกฎหมาย แต่ศาลก็รับทราบว่า สกุลเงินคริปโตสามารถซื้อขายบนเว็บเทรดระหว่างประเทศได้ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และแสดงลักษณะของทรัพย์สินได้อย่างชัดเจน

เนื่องจากศาลรับรองว่า สกุลเงินคริปโตมีลักษณะที่ชัดเจนของทรัพย์สิน  การที่จำเลยนำเอาเหรียญ USDT จำนวน 50,000 เหรียญ ไปแปลงเป็นสกุลเงินหยวน  ซึ่งเป็นเงินตราประจำชาติ  จึงกลายเป็น “ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง” ในการพิจารณาพิพากษาลงโทษ

นอกจากนี้ ทนายฝ่ายจำเลยยังเน้นย้ำว่า แม้ Luo จะกล่าวว่า ถูกฉ้อโกงในตอนแรก แต่จากการวิเคราะห์บันทึกธุรกรรมของเขาในเวลาต่อมาเผยให้เห็นถึงการซื้อขายที่รวดเร็วและมีกำไร สิ่งนี้นำไปสู่การโต้แย้งว่า Luo ได้กำไรจากการลงทุนจริง ๆ ดังนั้นจึงมีการตั้งคำถามถึงแนวคิดเรื่องการฉ้อโกง

กรณีดังกล่าวได้จุดประกายให้เกิดการอภิปรายในวงกว้างเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมาย และการควบคุมสกุลเงินคริปโตในประเทศจีน เนื่องจากนโยบายทางกฎหมายของประเทศจีน ยังไม่ยอมรับความถูกต้องตามกฎหมายของสกุลเงินคริปโตอย่างเต็มที่ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการออก การซื้อขาย และการป้องกันสกุลเงินคริปโต ยังคงคลุมเครือ 

ผลตัดสินของคดีนี้ อาจกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับการดำเนินคดีความทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตในอนาคต  ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมาย ในแวดวงธุรกรรมการเงินรูปแบบใหม่นี้