<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เปิดเทคนิคการลงทุนของ “ปาริชาติ พงษ์คำ” แม่บ้านผู้ปั้นพอร์ตหุ้นจนกลายเป็นเงินล้าน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปาริชาติ พงษ์คำ พนักงานทำความสะอาดประจำห้องสมุดมารวย วัย 49 ปี เป็นที่รู้จักในฐานะไอดอลคนจนที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนจนก็สามารถพลิกชีวิตและมีเงินล้านได้ด้วยการเทรดหุ้น

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของพี่หนู โดยในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้ระบุด้วยว่าพี่หนูใช้แนวคิดแบบไหนในการเทรด ซึ่งทางสยามบล็อกเชนอยากพาทุกคนมาย้อนรอยดูกันว่าแนวคิดที่พี่หนูใช้ในการปั้นพอร์ตให้เป็นเงินหลักล้านนั้นจะมีอะไรบ้าง

จุดเริ่มต้นของพี่หนู

จากบทสัมภาษณ์ของสื่อข่าวไทยรัฐ พี่หนูเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ พ่อแม่ทำไร่ทำนา ดังนั้นพี่หนูจึงเป็นเด็กที่ช่วยที่บ้านทำนาตั้งแต่เรียนจบ ป.6 จนกระทั่งอายุ 14 ปี พี่หนูได้เดินทางตามพี่สาวคนโตเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานเป็นแม่บ้าน

“หนูโชคดีที่เจอแต่เจ้านายดี ๆ หนูอยู่ทุกบ้านไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็เป็นแม่บ้านตามบ้านตั้งแต่ปี 2529-2544 จากนั้นจึงมีคนชักชวนให้มาทำงานที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอกว่ารายได้ดีกว่าอยู่ตามบ้าน โดยช่วงแรก ๆ ได้ค่าจ้างวันละ 165 บาท” พี่หนูกล่าว

นำเงินจากไหนมาลงทุน

พี่หนูเริ่มต้นจากค่าจ้างวันละ 165 บาท แต่พี่หนูนั้นไม่เคยเกี่ยงงาน และอาสาทำงานล่วงเวลาเสมอ เพราะอยากหาเงินมาเก็บออมให้ได้มากที่สุด จนทุกวันนี้มีรายได้เดือนละ 16,500 บาท

“โชคดีที่แฟนหนูไปในแนวทางเดียวกัน ไม่กินไม่เที่ยว เขาเป็นหัวหน้า รปภ. เราช่วยกันประหยัดเงินทุกทาง”

นอกจากนี้ พี่หนูยังเปิดเผยด้วยว่าทั้งเธอและสามีได้นำเงินเดือนอย่างต่ำคนละ 10,000 บาทไปฝากธนาคารเป็นประจำ ตลอด 24 เดือน เพื่อกินดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือแบ่งไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

“หนูใช้เวลาเก็บเงินอยู่ 10 ปี ถึงมีเงินก้อนแรก 500,000 บาท” พี่หนูกล่าว

ศึกษาเทคนิคการลงทุนจากที่ไหน

พี่หนูเล่าว่าเมื่อสมัยก่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการจัดงานสัมมนาเยอะมาก ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พี่หนูได้มีโอกาสพบกับนักลงทุนสาย VI หลายคน เช่น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, อาจารย์กวี ชูกิจเกษม และพี่แพท-ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ซึ่งพี่หนูมักจะเข้าไปถามทุกคนว่าถ้าอยากลงทุนหุ้นต้องทำยังไง ถามหมดไม่ว่าจะเป็นเซียนหุ้น หรือเจ้าหน้าที่ในห้องสมุด

“ส่วนมากหนูจะชอบแนวทางของอาจารย์นิเวศน์ อ่านหนังสือของอาจารย์เกือบทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือตีแตก”

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะลงทุนหุ้นแล้วรวย กว่าจะกล้าลงทุนจริง ๆ หนูอ่านหนังสือและศึกษาอยู่หลายปี โชคดีที่สิ่งแวดล้อมเอื้อเพราะเราทำงานในห้องสมุด ใคร ๆ ก็บอกว่าเงินเดือนแค่นี้ไม่น่าจะทำได้ แต่หนูประหยัดทุกทางไม่ยอมแพ้ อดทนรอโอกาสรอวันของเราจะมาถึง” พี่หนูอธิบาย

เทคนิคการลงทุนของพี่หนู

พี่หนูเน้นย้ำหลายครั้งว่าถ้าหากใครมีเงินทุนน้อย ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า “ทุกอย่างต้องใช้เวลา และใช้ความอดทน”

สำหรับสิ่งที่ทำให้พี่หนูพลิกชีวิตได้นั้น คือการที่พี่หนูรอจังหวะที่เกิดวิกฤติ แล้วเข้า All in ทีเดียวตอนราคาหุ้นตกหนัก ๆ โดยหุ้นที่พี่หนูเลือก All in ในตอนนั้นคือ CPALL

นอกจากนี้ พี่หนูยังกล่าวด้วยว่า “ถ้าเราอยากรวยจริง ๆ ต้องดูพื้นฐานหุ้นให้เป็น” โดยพี่หนูจะเลือกเฉพาะหุ้นดีเข้าพอร์ตเท่านั้น เพื่อที่เวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่เจ็บหนัก หรือเรียกได้ว่าเป็นพี่หนูนักลงทุนสาย VI ที่เน้นวิเคราะห์พื้นฐานของสินทรัพย์

“ตั้งแต่ลงทุนมาเคยขาดทุนหนักสุดก็หลักแสน ทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เวลาซื้อหุ้นหนูจะไม่ค่อยขายนะ ยกเว้นลงมาเยอะขาดทุนเกิน 25% หนูยอม cut loss เลย” พี่หนูกล่าว

พี่หนูยอมรับว่าในวัน ๆ หนึ่งนั้นพี่หนูแทบไม่เคยเปิดดูพอร์ตของตนเองเลย เช่น ถือหุ้น CPALL อยู่ ก็จะเข้าไปซื้อของใน 7-Eleven แถวบ้านทุกวัน ถ้าเห็นลูกค้าเยอะก็แปลว่าสบายใจได้

“หนูเชื่อว่าการลงทุนเหมือนปลูกต้นไม้ ปล่อยให้เขาเติบโตไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ออกดอกออกผลให้เรา อย่าไปใจร้อน” พี่หนูกล่าวปิดท้าย

ที่มา: ไทยรัฐ