จากการที่ Cryptocurrency นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในหลายประเทศรวมถึงในประเทศไทย จนส่งผลทำให้ผู้ออกกฎหมายด้านการเงินในหลาย ๆ ประเทศต้องออกมาให้ความสนใจแล้วนั้น ล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เกิดความกังวล และก็เข้าร่วมเป็น 1 ในกลุ่มประเทศดังกล่าวแล้วเรียบร้อย โดยกล่าวว่าในไทยยังไม่มีกฏหมายและหน่วยงานใด ๆ โดยเฉพาะที่จะควบคุมดูแลและปกป้องนักลงทุนจากความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ เช่น ถูกฉ้อโกง, หลอกลวง, การขาดทุนจากความผันผวน และยังอาจเป็นช่องทางในการกระทำผิดกฏหมาย เช่น การฟอกเงิน และการสนับสนุนการก่อการร้ายอีกด้วย
โดยอ้างอิงจากประกาศของทางธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นดังนั้น ทางธปท.ได้ทำหนังสือถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง ลงนามโดยนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าธปท.ในเรื่องการขอความร่วมมือสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ในกรณีดังต่อไปนี้
- การเข้าไปลงทุนหรือซื้อขายในคริปโตเคอเรนซีเพื่อผลประโยชน์ของสถาบันการเงินเอง หรือผลประโยชน์ของลูกค้า
- การให้บริการรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีผ่านช่องทางให้บริการของสถาบันการเงิน
- การสร้างแพลตฟอร์ม (platform) เพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าเข้าไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีระหว่างกัน
- การให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อคริปโตเคอเรนซี
- การสนับสนุนหรือให้คำปรึกษากับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนหรือการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี
นอกจากนี้ ธปท.ขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งเพิ่มความระมัดระวังการให้บริการด้านเงินฝากและด้านสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชี หรือการใช้บัญชีที่อาจนำไปสู่การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี โดยขอให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติในเรื่องการรู้จักตัวตนของลูกค้า (Know Your Customer : KYC) และดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence : CDD) อย่างเคร่งครัด ตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวปฏิบัติที่ทางการอาจกำหนดเพิ่มเติมต่อไป รวมทั้งร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้การทำธุรกรรมดังกล่าวถูกใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย”
โดยสรุปคือ หนังสือฉบับนี้นั้นมิได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อนักเทรดทั่วไป โดยทางธปท.ยังมิได้มีการออกกฏข้อบังคับที่แน่ชัดในด้านนี้ และมิได้มีการห้ามมิให้มีการเทรดคริปโตในประเทศแต่อย่างใด
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น