เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin ETF ของ BlackRock อย่าง iShares Bitcoin Trust (IBIT) ได้ออกมารายงานว่า พวกเขาได้กลางเป็นกองทุน Bitcoin แห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ถือครองเหรียญมากกว่า 100,000 BTC
โดยจากรายงานของ BlackRock เผยว่า ในตอนนี้กองทุน ETF ของพวกเขาได้มี Bitcoin สะสมอยู่ทั้งหมด 105,280 BTC เพิ่มขึ้นจากวันแรกที่บริษัทเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ในเดือนมกราคมมากถึง 3,700% ในขณะที่กองทุนคู่แข่งอย่าง Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) มีอยู่เพียงแค่ 83,925 BTC
ซึ่งการสะสม Bitcoin จำนวนมากของ Blackrock นั้น เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ให้บริการ Bitcoin ETF ต่างๆ ได้ทยอยสร้างสถิติใหม่ในแง่ของเงินทุนไหลเข้าสุทธิรายวันนับตั้งแต่เปิดตัว โดยข้อมูลจาก Farside Investors เผยว่า จำนวนเงินทุนที่ไหลเข้ารายวันรวมทั้งหมด 10 กองทุนที่เปิดตัวอยู่นั้น มีมูลค่ารวมมากกว่า 631 ล้านดอลลาร์ โดยที่ 493 ล้านดอลลาร์ไหลเข้า iShares Bitcoin ETF เพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม การที่มี Bitcoin จำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าไปในกองทุนของ Black Rock นั้น ทำให้ชุมชนคาดการณ์ว่าทางบริษัทน่าจะซื้อ Bitcoin จากผู้ขาย OTC (การซื้อขายนอกกระดานเทรด) จนหมดแล้ว ซึ่งอาจทำให้ทางบริษัทถูกบังคับให้ไปซื้อเหรียญเพิ่มจากกระดานเทรดอย่าง Coinbase
สิ่งที่น่าสนใจคือ ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเติบโตของราคา Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ในตอนนี้ได้พุ่งขึ้นไปแตะ 51,000 ดอลลาร์อีกครั้งนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ Bitcoin ก็ได้กลับขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดมากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ ก็ได้ส่งผลให้ดัชนีคริปโตชื่อดังอย่าง Fear and Greed Index ได้พุ่งขึ้นไปแตะ 74 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ราคา Bitcoin อยู่ที่จุดสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2021
ที่มา: CoinTelegraph