ดูเหมือนว่าในขณะที่ตลาดคริปโตกำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ปัญหาการแฮ็กและการโจกรรมเองก็ได้พุ่งสูงขึ้น หลังรายงานล่าสุดออกมาเปิดเผยว่าจำนวนการแฮ็กและการหลอกลวงได้พุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าในรายปี (YoY)
โดยรายงานวิจัยจากแพลตฟอร์มความปลอดภัยบล็อกเชน Immunefi ได้ออกมาเปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ตลาดคริปโตได้มีการสูญเสียเงินจากการโจรกรรมไปมากกว่า 572 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีจำนวนเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับในปี 2023 ที่มีเพียง 220 ล้านดอลลาร์
แม้จะเป็นเรื่องที่แย่ แต่จำนวนดังกล่าวจะลดลงจากไตรมาสที่ 1 มากถึง 23% โดย Immunefiได้เผยว่าแนวโน้มที่ลดลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และลดลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
และการโจรกรรมที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในไตรมาสที่ 2 มาจากแฮ็ก Private key ของกระดานเทรด DMM เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ Bitcoin มูลค่า 305 ล้านดอลลาร์ ถูกถอนออกจากแพลตฟอร์ม
สิ่งที่น่าสนใจคือ Ethereum และ BNB Smart Chain ยังคงเป็นสองเครือข่ายหลักที่นักต้มตุ๋นและแฮกเกอร์เล็งเป้าหมายมากที่สุด โดยคิดเป็นจำนวนมากถึง 71% ของการสูญเสียทั้งหมด
นอกจากนี้ Ethereum Layer 2 เองก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ประสงค์ร้าย โดย Arbitrum มีการโจมตีถึงสาม ซึ่งคิดเป็นการสูญเสียถึง 5.5% ในขณะที่เครือข่ายอื่นทั้งหมดไม่มีเหตุการณ์มากกว่า 1 ครั้ง แต่คิดเป็นร้อยละ 15 ของความสูญเสียทั้งหมด
ซึ่งในรายงาน ผู้ก่อตั้ง Immunefi อย่าง Mitchell Amador ได้ออกมากล่าวว่าการสูญเสียในไตรมาสนี้เป็นการเตือนใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานของกระดานเทรดแบบรวมศูนย์พร้อมกับระบุว่า:
“ไตรมาสนี้เน้นย้ำว่าการบุกรุกโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอาจเป็นการแฮ็กที่ร้ายแรงที่สุดในคริปโต เนื่องจากการบุกรุกเพียงครั้งเดียวอาจนำไปสู่ความเสียหายหลายล้านเหรียญ ที่เห็นได้ชัดในไตรมาสนี้ โดยที่การสูญเสียเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการแฮ็กที่กำหนดเป้าหมายที่โครงสร้างพื้นฐาน CeFi ซึ่งแซงหน้า DeFi แม้ว่าจะมีจำนวนการแฮ็กในภาคส่วนนั้นน้อยกว่า แต่มันควรที่มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องระบบนิเวศทั้งหมด”
ที่มา: Cointelegraph