เมื่อวานนี้ (14 พฤศจิกายน) สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ได้ออกมารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงถึงแนวโน้มการซื้อของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคประจำปี ได้ลงมาแตะ 3.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.3%
นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักรายเดือนและรายปีได้ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ 1% ที่ 0.2% และ 4% ตามลำดับ โดยการที่ค่าที่ดัชนีที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แสดงถึงมูลค่าของ USD ที่ลดลง และมีโอกาสที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกด้วย
โดยในตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ไว้ที่ 5.25% ถึง 5.50% ซึ่งถือเป็นการหยุดชั่วคราว หลังปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ที่ขึ้นไปสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ที่ 9.1%
นักวิเคราะห์อย่าง Dessislava Aubert ได้กล่าวว่า สิ่งนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง เพราะมันแสดงให้เห็นว่า FED ลดเงินเฟ้อในประเทศได้สำเร็จแล้ว
และผู้รวบรวมข้อมูลเงินเฟ้ออิสระอย่าง Oliver Rust เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ แต่จะยังคงรักษาไว้ที่จุดเดิมเป็นระยะเวลานาน
ภายหลังจากนั้นไม่นานหลังจากการประกาศในครั้งนี้ เราได้เห็นการร่วงลงของราคา Bitcoin และ Ethereum อย่างรุนแรง โดยร่วงลงไปแตะ 34,700 ดอลลาร์ และ 1,933 ดอลลาร์ ตามลำดับ
และแม้ว่าดัชนี CPI จะดูดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังคงมากอยู่ ซึ่งก็ได้มีผู้ต่อต้านธนาคารกลางที่เชื่อว่าประเทศยังคงมีเงินเฟ้อสูงมากถึง 143% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ที่มา: Dycrypt