นักวิจัยด้านความปลอดภัยคาดว่า การโจมตีครั้งนี้น่าจะเกิดจาก การรั่วไหลของ private key ซึ่งเป็นรหัสสำคัญที่ใช้ในการเข้าถึงและควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อควบคุมสถานการณ์หลังจากถูกโจมตี ทางทีมงาน Bittensor ได้ตัดสินใจหยุดการทำงานของบล็อกเชนชั่วคราวตั้งแต่เช้าวันพุธ
บล็อกเชนของ Bittensor ถูกหยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อเช้าวันพุธ หลังจากทีมงานตรวจพบการโจมตีกระเป๋าเงินผู้ใช้หลายราย โดยมีรายงานว่า กระเป๋าเงินอย่างน้อย 1 ใบ สูญเสียโทเค็น TAO ของโปรเจกต์ ไปมูลค่ากว่า 8 ล้านดอลลาร์
หลังจากเหตุการณ์การโจมตี ราคาโทเค็น TAO ร่วงแรงถึง 15% อย่างไรก็ตาม ราคาฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากทีมผู้พัฒนาหลักของ Bittensor ออกมายืนยันว่า ได้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดเพิ่มในลักษณะเดียวกันอีก
สมาชิกหลักของทีม Bittensor ได้โพสต์ข้อความผ่านช่อง Discord ของโปรเจกต์ กล่าวว่า
“พวกเราอยู่ระหว่างการตรวจสอบเหตุการณ์การโจมตีที่เกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น ขณะนี้เราได้ระงับการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนทั้งหมดชั่วคราว จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของการโจมตีในครั้งนี้”
ต่อมา ผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจกต์ Ala Shaabana ได้ออกมาชี้แจงบน แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า เครือข่ายบล็อกเชนของ Bittensor ถูกตั้งค่าให้อยู่ในโหมด “safe mode” ซึ่งหมายความว่า บล็อกยังคงถูกสร้างขึ้น แต่ไม่มีการประมวลผลธุรกรรมใดๆ
เว็บไซต์ติดตามข้อมูลบล็อกเชนสำหรับเครือข่าย Bittensor แสดงให้เห็นว่า ธุรกรรมและบล็อกล่าสุดที่ถูกประมวลผล เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 23:00 น. (UTC) ของวันอังคาร
ในขณะเดียวกัน นักวิจัยด้านความปลอดภัยอิสระอย่าง @ZachXBT ได้โพสต์ข้อความผ่านช่อง Telegram ของเขาว่า มีผู้ใช้งาน 1 รายสูญเสียโทเค็น TAO จำนวน 32,000 โทเค็น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น เขาสันนิษฐานว่า เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจเกิดจากการรั่วไหลของ private key ซึ่งคีย์ส่วนตัวเปรียบเหมือนรหัสผ่านตัวอักษรและตัวเลข ที่ทำหน้าที่ป้องกันและจัดการโทเค็นภายในกระเป๋าเงินดิจิทัล
การสืบสวนหาสาเหตุของการโจมตียังคงดำเนินการต่อเนื่อง ไปจนถึงเช้าวันพุธ
Bittensor คืออะไร ?
Bittensor เป็นโปรเจกต์คริปโตเคอเรนซีขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีมูลค่าตลาด (market capitalization) อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ จุดเด่นของ Bittensor คือ การเชื่อมโยงโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างโดยบุคคลต่างๆ ทั่วโลก เข้าไว้ด้วยกัน
ที่มา : coindesk