ถ้าหากจะพูดถึงเรื่อง “การใช้ชีวิตด้วยคริปโต” ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินค่าอาหาร จ่ายตลาด ค่าบริการ ค่าโดยสาร ฯลฯ ประเทศที่หลายคนคงจะนึกถึงในทันทีคงไม่พ้นดินแดนแห่ง Bitcoin อย่างสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ (El Salvador) เนื่องจาก Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศนี้ อีกทั้ง El Salvador ยังถือเป็นแบบอย่างของประเทศที่มีการใช้งาน Bitcoin อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม El Salvador ไม่ใช่ประเทศเดียวที่สนับสนุน Bitcoin และคริปโต เพราะนอกเหนือจากประเทศนี้แล้ว ยังมีประเทศอื่น ๆ อีกมากมายที่มีอัตราภาษีคริปโตต่ำมาก จนส่งผลให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อสกุลเงินดิจิทัล ดังนั้นในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกคนมาสำรวจไปพร้อมกันว่าประเทศไหนน่าสนใจสำหรับชาวคริปโตกันบ้าง
เยอรมนี
เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากที่สุดในโลก ทั้งนี้จุดเด่นที่พลาดไม่ได้ คือ ถ้าหากเราลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลนานกว่าหนึ่งปี เหรียญที่เราถืออยู่จะไม่ถือเป็นสินทรัพย์ประเภททุน และจะถือว่าเป็นเงินส่วนตัวของเราทันที ซึ่งหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใด ๆ สำหรับคริปโตที่ถืออยู่
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในคริปโต เพราะนักลงทุนรายย่อยจะไม่ต้องเสียภาษีถ้าหากได้กำไรจากการเทรดคริปโต อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่รับชำระเงินด้วยคริปโตสำหรับค่าสินค้าหรือบริการนั้นอาจจะต้องจ่ายภาษี โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา GST สำหรับการซื้อขายคริปโตของสิงคโปร์ คือ 7%
โปรตุเกส
โปรตุเกสเป็นประเทศที่มีชายหาดสวยงาม และไม่ว่านักลงทุนรายย่อยจะซื้อหรือขายคริปโตมากแค่ไหน เราก็ไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ ทั้งสิ้นในประเทศนี้ เพราะโปรตุเกสไม่มีภาษีรายได้จากการขายหุ้นและการเทรดคริปโต อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่มีรายได้เป็นคริปโตควรตรวจสอบอัตราภาษีล่าสุด เนื่องจากโปรตุเกสกำหนดอัตราภาษีคริปโตสำหรับธุรกิจแบบคงที่ที่ 28% ในร่างงบประมาณปี 2023
สวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์มีนโยบายภาษีคริปโตที่เป็นมิตร โดยประเทศนี้จะเก็บภาษีคริปโตจากการขุดเท่านั้น รวมทั้งไม่มีภาษีกำไรจากการขายหุ้น และนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาก็จะได้รับการยกเว้นภาษี อย่างไรก็ตาม ยังคงจำเป็นต้องเสียภาษีสำหรับมูลค่าของสินทรัพย์คริปโตที่ถือไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือธุรกิจก็ตาม
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังกลายเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่สำหรับคริปโตและบล็อกเชน โดยรัฐบาลกำลังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปฏิรูปกฎหมายและข้อบังคับเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยหลัก ๆ แล้วสิทธิประโยชน์ทางภาษีในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือไม่มีภาษีสำหรับกำไรที่ได้รับจากคริปโต และไม่มีภาษีศุลกากรสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย
มาเลเซีย
ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างมาเลเซียนั้นมีกฎหมายภาษีที่ผ่อนปรนสำหรับคริปโต โดยมาเลเซียจะไม่ถือว่าคริปโตเป็นสินทรัพย์ทุน ดังนั้นการทำธุรกรรมของนักลงทุนรายย่อยจึงถือว่าปลอดภาษี แต่ถ้าหากเราเทรดคริปโตทุกวัน ก็อาจจะต้องจ่ายภาษีจากรายได้ที่ได้รับ และถ้าหากทำธุรกิจคริปโต ก็อาจจะต้องจ่ายภาษีด้วยเช่นกัน
ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่เริ่มยอมรับ Bitcoin และได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งกระดานเทรดคริปโตภายในประเทศมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มจำนวนธุรกิจที่รับการชำระเงินด้วยคริปโต และทำให้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถใช้ Bitcoin กันได้อย่างสะดวกง่ายดายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เราจะไม่ต้องจ่ายภาษีใด ๆ ถ้าหากกำไรจากคริปโตสำหรับปีการเงินน้อยกว่า 200,000 เยน และถ้ารายได้ทั้งหมดจากคริปโตน้อยกว่า 1.95 ล้านเยน เราก็จะต้องจ่ายภาษีรายได้เพียง 5% เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของประเทศที่มีกฎหมายเอื้ออำนวยต่อการลงทุนและการเทรดคริปโตเท่านั้น ซึ่งถ้าหากใครสนใจศึกษาเพิ่มเติมว่ามีประเทศไหนอีกบ้างที่น่าสนใจสำหรับการใช้ชีวิตด้วยคริปโต ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ tryspeed
ที่มา: tryspeed