<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Samson Mow ชี้ ! ราคา Bitcoin จะพุ่งทะลุล้านดอลลาร์ ภายในไม่กี่สัปดาห์ เมื่ออุปทาน Bitcoin มาถึงจุดวิกฤต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การคาดการณ์นี้ขึ้นอยู่กับ ‘supply shock หรือ วิกฤตด้านอุปทาน’ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้น จากการที่กองทุน  Bitcoin ETF เพิ่งได้รับอนุมัติ และเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่กำลังจะมาถึง 

Samson Mow  CEO ของ JAN3 และ Bitcoin bull เชื่อว่าจะเกิด supply shock ขึ้นกับ Bitcoin  ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

การคาดการณ์นี้ขึ้นอยู่กับ supply shock หรือวิกฤตด้านอุปทาน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกองทุน Bitcoin ETF ที่เพิ่งได้รับอนุมัติ และการปรับตัวต่าง ๆ ของตลาดที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

supply shock วิกฤตด้านอุปทาน

การเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ดึงดูดปริมาณการซื้อขายนับพันล้าน ในขณะเดียวกัน การเข้าซื้อ Bitcoin ของ BlackRock จำนวน 11,500 BTC ได้ลดอุปทานในตลาดที่มีอยู่ลงอย่างเห็นได้ชัด ภายในสองวันแรกของการซื้อขาย

การซื้อดังกล่าวเทียบเท่ากับการซื้อ  Bitcoin เป็นจำนวนมากเท่ากับอุปทานที่ผลิตได้ในระยะเวลา 13 วัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 900 BTC ต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ความต้องการ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก ยังคงเห็นเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุน Bitcoin ETF

ตามการวิเคราะห์ของ CryptoSlate เกี่ยวกับอุปทาน Bitcoin ที่มีอยู่ หากสถาบันการเงินยังคงซื้อ Bitcoin ในอัตราที่รวดเร็วเช่นนี้ จะใช้เวลาเพียง ประมาณ 120 วันเท่านั้นที่อุปทาน Bitcoin จะหมดลง ทำให้ Bitcoin หายากที่สุดในประวัติศาสตร์

การเพิ่มความซับซ้อนให้กับพลวัตรของตลาด ในเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin เป็นอย่างมากในประวัติศาสตร์ โดยลดจำนวนอัตราการสร้าง BTC ใหม่ ซึ่งรางวัลสำหรับการขุดบล็อกใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 3.125 BTC จาก 6.25 BTC ภายในเวลาประมาณ 90 ถึง 120 วัน

ปัจจัยเหล่านี้ เมื่อรวมกับความต้องการที่มีอยู่มากกว่าอุปทานที่มี อาจส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากความต้องการ Bitcoin พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันอุปทานก็ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์

ทฤษฎี Max Pain และการคาดการณ์ของตลาด Bitcoin

Samson Mow เชื่อว่าตลาด Bitcoin ในระยะเวลานี้มีแนวโน้มจะเดินตามเส้นทางของ “ทฤษฎี Max Pain” ซึ่งดัดแปลงมาจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ทฤษฎีนี้กล่าวถึงสถานการณ์ที่การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางการเงินสูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากที่สุด

ถึงแม้จะยังไม่มีนิยามที่เป็นทางการในวงการคริปโต แต่ทฤษฎี Max Pain โดยทั่วไปมักหมายถึงระดับราคาที่สัญญาซื้อขาย options ส่วนใหญ่หมดอายุลงอย่างไร้ค่า ส่งผลให้ผู้ถือสัญญาเหล่านั้นเกิดความสูญเสียอย่างมาก ในกรณีของ Bitcoin สิ่งนี้อาจนำไปสู่การแกว่งตัวของราคาในระดับรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้นักเทรดและนักลงทุนจำนวนมากไม่ทันตั้งตัว

Mow  มองว่าประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งของทฤษฎีนี้ในตลาด Bitcoin คือ โอกาสของการ short squeeze ที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การบีบย่อเกิดขึ้นเมื่อราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างไม่คาดคิด บังคับให้ผู้ที่เดิมพันว่าราคาจะลดลง (short sellers) จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin คืนในราคาที่สูงขึ้นเพื่อจำกัดการขาดทุน ซึ่งยิ่งผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นไปอีก

แนวคิด Max Pain และผลกระทบต่อตลาด Bitcoin โดยเชื่อมโยงระหว่าง “ทฤษฎี Max Pain” กับความผันผวนของราคา Bitcoin และสภาพจิตใจของตลาด มีประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ที่แสดงให้เห็นว่ามักเกิดความท้าทายจากการคาดการณ์ราคาแบบเดิม ๆ ดังนั้น สถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทางการเงินสูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมาก ก็สอดคล้องกับธรรมชาติของ Bitcoin ที่ผันผวนและคาดเดาได้ยาก

Mow มองว่า การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin อย่างรวดเร็วไปสู่ 1 ล้านดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อแผนการเชิงกลยุทธ์ของหลายฝ่าย รวมถึงรัฐบาลและบริษัทที่ต้องการลงทุนใน Bitcoin สถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลต่อความสะดวกในการใช้เครือข่าย Lightning Network เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่สูง และอาจทำลายโมเดล Stock-to-Flow (S2F) ที่หลายคนใช้คาดการณ์มูลค่าของ Bitcoin

ที่มา : CryptoSlate