รายงานล่าสุดจาก Cointelegraph ได้ออกมาเปิดเผยว่าหนึ่งในบริษัท Stablecoin ระดับโลกอย่าง Tether ได้ผสาน USDT เข้ากับบล็อกเชนของ Aptos เพื่อ หวังที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถของบล็อกเชนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมด้วยค่าธรรมเนียมก๊าซที่ต่ำมาก
โดยการรวมกับในครั้งนี้ จะทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น “ไมโครทรานแซคชัน และการส่งเงินระดับองค์กรขนาดใหญ่” ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของ Aptos ที่มีจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อวัน (DAU) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
” […] มีการทำธุรกรรมที่ทำลายสถิติถึง 157 ล้านรายการในวันเดียวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024″
ในขณะที่ Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ได้ออกมากล่าวว่าเทคโนโลยีของ Aptos จะช่วยให้การทำธุรกรรมด้วย USDT “รวดเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น”:
“ทีมงานของ Tether รู้สึกตื่นเต้นที่จะผสานรวมและร่วมมือกับระบบนิเวศของ Aptos เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราในการทำให้สกุลเงินดิจิทัลเข้าถึงได้และใช้งานได้มากขึ้น”
การเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ต้องการให้ระบบนิเวศของ Aptos เติบโตขึ้น ที่เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา Nansen ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนได้จับมือกับ Aptos เพื่อพัฒนาการวิเคราะห์และข้อมูลบนบล็อกเชนให้กับระบบนิเวศของ Aptos
ซึ่ง Alex Svanevik ซีอีโอของ Nansen ได้ออกมากล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะมอบเครื่องมือให้กับนักลงทุนคริปโตที่ต้องการเจาะลึกลงในระบบนิเวศของ Aptos
อย่างไรก็ตาม แม้ Tether กำลังจะมีความร่วมมือกับบล็อกเชนอื่นมากขึ้น แต่ทางบริษัทก็ได้ถูกอดีตกระดานเทรดอย่าง Celsius ยื่นฟ้องโดยอ้างว่า บริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้ใช้สินทรัพย์อย่างไม่ถูกต้อง และร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ในรูปของผลตอบแทนจาก Bitcoin
โดยเงินค่าเสียหายในรูปแบบ Bitcoin นี้ มาจากการที่บริษัท Celsius ได้ส่ง Bitcoin จำนวน 39,543.42 BTC ให้ Tether เพื่อใช้เป็นหลักประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินกู้ในช่วงกระบวนการล้มละลายของบริษัท ซึ่งCelsius อ้างว่า Tether ได้แอบขาย Bitcoin ในราคาที่ครอบคลุมหนี้เกือบทั้งหมด โดยไม่ให้โอกาสในการเพิ่มหลักประกัน
ที่มา Cointelegraph