หลังจากที่ Ripple บริษัทคริปโตเคอเรนซีที่ได้รับชัยชนะในคดีระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม Stuart Alderoty หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย (CLO) ของบริษัทก็ได้ออกมาเตือนว่า SEC อาจยังคงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งอาจทำให้คดีความยืดเยื้อต่อไป
โดยคดีดังกล่าวได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากชุมชนคริปโต ที่มีจุดประเด็นหลักคือการพิจารณาว่าโทเค็น XRP ของ Ripple ถือเป็นหลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ หรือไม่ และหลังจากการต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานเกือบสี่ปี ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้ตัดสินให้ Ripple ชนะ โดยชี้ว่าบริษัทไม่ได้ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ในการขาย XRP ให้กับกระดานเทรด
อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิจารณาว่า Ripple มีความผิดในการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ในการขายตรงให้กับลูกค้าสถาบัน และบริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 125 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าจำนวน 2 พันล้านดอลลาร์ที่ SEC ร้องขอในเบื้องต้น
ซึ่งทาง Alderoty ก็ได้ออกแสดงความพึงพอใจต่อคำตัดสินของศาล โดยเน้นว่าคำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่สรุปคดีได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวมอีกด้วย
“เรารู้สึกยินดีที่ได้รับคำตัดสินนี้, มันเป็นการยุติคดีอย่างแท้จริง”
โดยทางด้านของ CLO ยังชี้ถึงการปฏิเสธของศาลต่อข้อกล่าวหาของ SEC ที่ว่า Ripple กระทำการอย่างประมาทเลินเล่อและย้ำเตือนว่าคดีนี้ไม่มีข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงหรือมีผู้เสียหายแม้แต่รายเดียว
ทว่าแม้ผลลัพธ์จะออกมาเชิงบวก แต่ Alderoty ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวถัดไปของ SEC เนื่องจากประวัติการดำเนินการเชิงรุกของหน่วยงานในการดำเนินคดีกับคริปโต เขาเชื่อว่าเป็นไปได้ที่ SEC จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป
“SEC แสดงให้เห็นตัวตนว่าไม่เป็นเหตุเป็นผล… ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจหาก SEC ยื่นอุทธรณ์”
ในขณะที่ทางด้านของทนายความได้ชี้ว่าแม้ว่า SEC จะตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ แต่สถานะทางกฎหมายของ XRP ในตลาดรองในฐานะที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเขาให้เหตุผลว่า SEC ที่มีเหตุผลควรยอมรับเรื่องนี้และยุติคดี
อย่างไรก็ตาม Alderoty ยังคงวิพากษ์วิจารณ์แนวทางของ SEC ในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต โดยเสนอว่าการกระทำของหน่วยงานเป็นการดำเนินการที่รุนแรงเกินไปและก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อผู้ถือ XRP รายย่อย พร้อมกับโต้แย้งว่าคดีนี้ไม่ได้ส่งเสริมภารกิจหลักของ SEC ในการคุ้มครองนักลงทุน เนื่องจากไม่มีผู้เสียหายหรือความสูญเสียในการทำธุรกรรมที่ถูกตรวจสอบ
ในทางกลับกัน การกระทำของ SEC กลับสร้างความไม่แน่นอนและขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่ง Alderoty เน้นถึงความจำเป็นในการมีกฎหมายที่ชัดเจนและมีเหตุผลสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต
ที่มา: DailyCoin