ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังคาดการณ์ถึงการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในตลาดคริปโตจากการลดดอกเบี้ยที่เป็นไปได้ในอนาคต
โดยในงาน Token2049 ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 18 กันยายน Hayes ได้ออกมากล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Thoughts on Macroeconomics Current Events” โดยได้เปรียบเทียบระหว่างการถือพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทน 5% กับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงในตลาดจากการตัดสินใจของ Fed ที่คาดว่าจะออกมาในวันที่ 18 กันยายนนี้
ซึ่งก่อนที่จะพูดถึงผลกระทบของ Fed ที่จะมีต่อคริปโต Hayes ก็ได้วิจารณ์ Fed ว่าพวกเขากำลังทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเพิ่มการใช้จ่ายและพิมพ์เงินจำนวนมาก
“ผมคิดว่า Fed กำลังทำผิดพลาดมหาศาลในการลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังใช้จ่ายและพิมพ์เงินมากที่สุดในช่วงเวลาสงบสุข”
นอกจากนี้ Hayes ยังได้ทำนายว่าตลาดจะพังทลายหลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยไม่กี่วัน โดยเขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอยู่ที่ 50 ถึง 75 จุด จะส่งผลกระทบต่อความต่างระหว่างดอกเบี้ยของดอลลาร์สหรัฐฯ กับเงินเยนญี่ปุ่นโดยตรง
ซึ่งเขาเชื่อว่า สิ่งนี้จะทำให้เกิดความเครียดทางการเงินในตลาดเหมือนเหตุการณ์ที่เงินเยนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“ในขณะที่ผมคิดว่าหลายๆ คนกำลังรอคอยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาคิดว่าตลาดหุ้นและปัจจัยอื่นๆ จะทำให้ตลาดคึกคักมากขึ้น ผมคิดว่าตลาดจะพังทลายในอีกไม่กี่วันหลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
ทว่าในด้านของคริปโต Hayes ชี้ให้เห็นว่าผลตอบแทนในหลายสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันใกล้เคียงหรืออาจต่ำกว่าพันธบัตรรัฐบาล จึงตั้งคำถามว่าทำไมนักลงทุนถึงควรเสี่ยงกับ DeFi หากพวกเขาสามารถลงทุนในพันธบัตรที่มีผลตอบแทน 5.5% ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ Hayes ยังกล่าวถึงการลงทุนในคริปโต 4 สกุล อย่าง Ethereum (ETH) , Ethena (ENA) , Pendle (PENDLE) และ Ondo (ONDO) โดยเปิดเผยว่าเขาลงทุนในทุกสกุล ยกเว้น ONDO และเขายังตั้งข้อสังเกตว่าแม้ Ethereum จะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับ Bitcoin แต่ยังคงถือว่าเป็น “อินเทอร์เน็ตบอนด์” ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 4%
ส่งผลให้ Hayes สรุปว่า หากอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างรวดเร็ว Ethereum จะกลายเป็นเงินที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้น และสิ่งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาของตลาด Ethereum
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph