<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Charles Hoskinson เชื่อมั่น! อนาคต ADA ไปได้ไกล ล้มได้แม้กระทั่ง Bitcoin และ Ethereum

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อไม่นานมานี้ Charles Hoskinson ได้กล่าวขึ้นพูดในงานอีเวนต์ Cardano Summit 2024 ที่ถูกจัดขึ้นโดยคอมมูนิตี้ ณ เมือง Bueno Aires ประเทศอาร์เจนตินา โดยเขาได้แสดงถึงวิสัยทัศน์ว่าเครือข่าย Cardano (ADA) นั้นสามารถเติบโตจนสามารถทัดเทียม หรือแม้กระทั่งสามารถเอาชนะเครือข่ายหลัก ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ได้ภายในทศวรรรษหน้า

Hoskinson ชี้ให้เห็นว่าเครือข่ายใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้นก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเครือข่ายที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านดอลลาร์ และมีผู้ใช้งานทั่วโลก อีกทั้งในปัจจุบัน Cardano ยังเป็นโปรเจกต์บล็อกเชนขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกผลักดันด้วยงานวิจัยต่าง ๆ มากมาย มากไปกว่านั้นเขายังได้กล่าวชื่นชมคอมมูนิตี้ที่ต่างมุ่งมั่นทุ่มเทในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง รวมถึงสร้างความแตกต่างให้แก่ Cardano 

เขาเชื่อมั่นว่าในอนาคต Cardano จะกลายเป็นแกนหลักของโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ ที่ซึ่งรัฐบาลและสถาบันสำคัญๆ ต่างๆ ใช้เพื่อดำเนินการบริการและระบบที่สำคัญ โดยการที่จะไปถึงจุดนั้นได้ Cardano จำเป็นที่จะต้องแผ่ขยายไปในด้านของเคสการใช้งานจริง และการเป็นมากกว่าระบบการเงินทั่วไปหรือแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ 

สำหรับสาเหตุที่ Hoskinson เชื่อมั่นว่า Cardano จะสามารถเอาชนะ Bitcoin และ Ethereum ได้เป็นผลมากจากคุณลักษณะของโปรเจกต์ทั้งสอง โดย Bitcoin นั้นเป็นผู้นำในด้านของการกักเก็บมูลค่า ขณะที่ Ethereum โดดเด่นในเรื่องของ DeFi และ Smart contract ซึ่งตัวของเครือข่าย Cardano นั้นเป็นการร่วมข้อดีของทั้งสองเครือข่ายเข้าด้วยกันจึงทำให้มันมีสิทธิที่จะสามารถเอาชนะทั้งสองเครือข่ายได้

อย่างไรก็ตามแม้ Hoskinson จะเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่าย แต่นักวิเคราะห์กลับไม่เห็นด้วยไปสักทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น Eric Balchunas นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Bloomberg ที่ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อทิศทางในอนาคตของ Cardano

Balchunas กล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเครือข่าย Cardano นั้นไม่เป็นเหมือนดังที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Hoskinson พูด และยังคงประสบปัญหาที่จะทำการแข่งขันกับบล็อกเชนที่มีผู้ใช้งานมากกว่าอย่าง Solana และ Ethereum ดังนั้นคำกล่าวอันสุดแสนทะเยอทะยานของ Hoskinson อาจเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไปและกล่าวอ้างเกินจริง

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้ Cardano ช้าเป็นผลมาจากวิธีการที่พวกเขาใช้ โดย Cardano ได้นำกระบวนการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างเข้มงวดมาใช้ ซึ่งเครือข่ายได้รวมงานวิจัยทางวิชาการเข้ากับการพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่ามีระดับความปลอดภัยและความเสถียรสูงสุด อย่างไรก็ตาม วิธีการที่เป็นระบบนี้ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน ทำให้บางคนวิจารณ์เครือข่ายว่ามีอัตราการพัฒนาที่ช้ากว่าคู่แข่งที่คล่องตัวกว่า ส่งผลให้การแข่งขันของบล็อกเชน layer-1 นั้น Cardano ตามเจ้าอื่นไม่ทัน ขณะที่ราคาของ Cardano นั้นก็ไม่ได้มีการปรับตัวมากส่งผลให้ความสนใจเลือนหายไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตามแม้ความกังวลจะมีอยู่มาก แต่ Cardano ก็ยังมีไพ่ตายซุกซ่อนอยู่และยังคงไม่พ่ายแพ้ไปง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัยที่ไม่มีใครเทียม ทำให้มันเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่น่าไว้วางใจมากที่สุด รวมไปถึงการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Babel fees ที่จะมาผลิกโฉม Cardano ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง

ฟีเจอร์ดังกล่าวจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถทำการชำระค่าธรรมเนียมได้โดยใช้โทเค็นหลากหลายสกุล โดยไม่จำเป็นต้องใช้เพียง ADA อย่างเดียวอีกต่อไป ทำให้เครือข่ายมีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น

โดยสรุปแล้ว Cardano ในตอนนี้จำเป็นที่จะต้องเร่งมือและแข่งกับเวลา โดยเครือข่ายจำเป็นจะต้องรีบพัฒนา นวัตกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เครือข่ายยังคงความสำคัญในตลาดไว้ได้อยู่เพื่อที่จะสามารถทำให้ Cardano ยังคงยืนหยัดในสมรภูมิแห่งนี้ต่อไปได้ และกลายเป็นสุดยอดเครือข่ายตามคำกล่าวอ้างของ Hoskinson

ที่มา : Coin Paper