4 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ได้จับมือกับ Startup ด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้างโปรเจคเกี่ยวกับ Blockchain เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ร่วมกัน
ได้มีการประกาศในวันอังคารที่ผ่านมาว่า Mobility Open Blockchain Initiative (MOBI) ได้เปิดตัว Partners ของเขาคือ BMW, Ford, General Motors และ Renault รวมไปถึงบริษัทผลิตอะไหล่ยานยนต์อย่าง Bosch, ZF และบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Accenture, IBM และบริษัทด้าน Blockchain เช่น Consensys และ Hyperledger
MOBI มีความตั้งใจที่สร้างโครงสร้างในการทำธุรกรรม และการแบ่งปันข้อมูลกันระหว่างรถ เพื่อที่จะสนับสนุนแวดล้อมดิจิทัลสำหรับยานยนต์ ตั้งแต่การแชร์ยานยนต์เพื่อการเดินทางจนถึงยานยนต์อัจฉริยะที่สามารถขับได้ด้วยตัวมันเอง
นาย Chris Ballinger ผู้บริหารและ CEO ของ MOBI กล่าวถึงประสบการณ์ของเขาที่เคยทำงานที่ Toyota Research ว่า สิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมเคลื่อนไปข้างหน้าได้นั้นคือ เครือข่ายธุรกิจแบบ Decentralized
“เราต้องมีมาตราฐานหรือวิธี ๆ หนึ่งสำหรับยานยนต์เพื่อการสื่อสาร, ยืนยันตัวเอง และทำธุรกรรม”
“ถ้าแต่ละบริษัทมัวแต่พัฒนาช่องทางการชำระเงิน, Wallet และบริการ Ride-Sharing บนแพลตฟอร์มของตนเอง มันก็ไม่มีทางที่จะเป็นใช้งานจริง ๆ ได้ เหมือนพวกเราคุยกันอยู่คนละภาษา”
ความสำคัญของข้อมูล
MOBI จัดว่าเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ตระหนักว่า ข้อมูลที่อยู่รอบ ๆ ตัวยานยนต์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเขาคิดว่าเทคโนโลยี Blockchain จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์สามารถควบคุมและจัดการข้อมูลเหล่านั้นได้
ในขณะที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Apple, Google และ Amazon ต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือนเพื่อแย่งชิงข้อมูลเหล่านั้นมาครอบครอง MOBI กลับเล็งเห็นว่าหากอุตสาหกรรมยานยนต์นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ และทำให้ข้อมูลเหล่านั้น Decentralized ออกไป จะทำให้สังคมของเราได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก เช่น เพิ่มความปลอดภัยในถนน และลดการติดขัดของจราจร
นาย Ballinger กล่าวเพิ่มเติมว่า :
“ในตอนนี้ทุก ๆ คนต่างต้องการข้อมูลเหล่านั้น Apple มี Car Play, Amazon ใส่ Alex เข้าไปในยานยนต์, Microsoft เพิ่ม Azure ลงไปในระบบยานยนต์ และ Google มีระบบของเขาเอง”
ข้อมูลอีกชนิดที่ทาง MOBI คาดหวังว่าจะเก็บรวบรวมมาได้คือ ข้อมูลที่เก็บจากเซ็นเซอร์ของยานยนต์
ปัจจุบันยานยนต์มีเซ็นเซอร์ ผลิตข้อมูลที่ได้จากการเก็บเกี่ยวจากเซ็นเซอร์เป็นปริมาณ 25 Gigabytes ต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต หากวิธีการตรวจจับแสงและระยะทาง (LIDAR) พัฒนาขึ้นมากกว่านี้
ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่เพิ่มขึ้น ยานยนต์จะผลิตข้อมูลมาเยอะจนขนาดที่แม้แต่เครือข่าย 5G ก็ไม่สามารถรองรับได้ เช่น ข้อมูลสภาพอากาศแบบ Real-time, ความแอดอัดของยานยนต์ในเส้นทาง หรือพลังงานที่ยานยนต์กำลังใช้อยู่ และอื่น ๆ ข้อมูลเหล่านี้หากถูกนำมาจัดการและวิเคราะห์อย่างถูกวิธี มันก็สามารถทำให้ถนนมีความปลอดภัยมากขึ้นได้
ถึงแม้ว่า Google และ Tesla จะนำหน้า MOBI ในด้านการเก็บข้อมูลสำหรับยานยนต์อัจฉริยะ แต่นาย Ballinger เชื่อว่ายังเหลือหนทางอีกยาวไกลก่อนที่จะสามารถทำให้ยานยนต์อัจฉริยะสามารถขับขี่ได้ด้วยตัวมันเองในสถานการณ์ชีวิตจริง ซึ่งมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ หรือคาดไม่ถึงเป็นจำนวนมาก
เขาเชื่อเทคโนโลยี Blockchain จะเร่งกระบวนการดังกล่าวให้ไวขึ้นเนื่องจาก Blockchain มีความสามารถที่ให้ Machine Learning เกิดขึ้นเร็วขึ้น
เทคโนโลยีในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึง ไม่แน่ในอนาคตอีกไม่กี่ 10 ปีนี้พวกเราอาจจะมีสิทธิเห็นยานยนต์อัจฉริยะขับอยู่เต็มถนนก็เป็นได้ มนุษย์จะไม่จำเป็นต้องขับขี่เองอีกต่อไป ด้วยศักยภาพแห่ง Blockchain มันกำลังมีบทบาทในการผลิกโฉมเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแน่นอน
ที่มา Coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น