แม้ว่าราคา Bitcoin (BTC) จะทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ราคากลับเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง หลังมักจะทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 70,000 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้อย่างเด็ดขาด และยังคงมีบางช่วงที่ราคาตกลงมาถึง 54,000 ดอลลาร์ ทำให้ตลาดเกิดความลังเลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
ทว่า Michaël van de Poppe นักวิเคราะห์ชื่อดัง กลับมองว่า ปัจจุบันตลาดปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดันราคา Bitcoin ขึ้นรอบใหม่อย่างยั่งยืนได้ในอนาคต พร้อมชี้ว่า BTC ยังคงอยู่ในช่วงสะสมอยู่ และขาดแรงผลักดันในลักษณะของตลาดกระทิงแบบดั้งเดิม
Poppe ได้วิเคราะห์ว่า รอบวัฏจักรขาขึ้นของ Bitcoin จะมีสองช่วงสำคัญ โดยในช่วงแรกคือการขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ด้วยแรงหนุนจากกระแสสภาพคล่องที่ได้จาก Bitcoin ETF แม้ว่าจะยังไม่ใช่การเติบโตในแนวดิ่งอย่างที่หลายคนคาดหวัง
ทว่าสาเหตุที่ราคายังไม่พุ่งสูงขึ้นนั้น Poppe มองว่ามาจากดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ยังคงสูงเกินไป โดยเฉพาะ พันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีผลตอบแทนสูง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า ซึ่งก็กระทบต่อตลาดคริปโตโดยตรง
นอกจากนี้ Poppe ยังกล่าวว่า แม้ราคา BTC จะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แต่นั่นเป็นเพียงมูลค่าในแง่ตัวเลขเท่านั้น เพราะเมื่อคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อแล้ว ราคาที่แท้จริงของ BTC อาจยังไม่ได้ทำจุดสูงสุดจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของอุปทานเงิน M2 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวราคาของ BTC ในรอบก่อน ๆ อาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต ซึ่ง Poppe เชื่อว่าหาก M2 ขยายตัวต่อไป สภาพคล่องก็อาจเข้ามาในตลาดคริปโตมากขึ้น
สุดท้ายนี้ นักวิเคราะห์ยังชี้ถึงปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่อาจเป็นตัวเร่งตลาด ได้แก่ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ความพยายามของกลุ่มประเทศ BRICS ในการสร้างสกุลเงินสำรองใหม่ โอกาสของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ และกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ Bitcoin ETF
ที่มา: Finbold