จากกรณีที่ ชาล็อต ออสติน นักแสดงและนางงามในประเทศไทย ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ถูกหลอกให้โอนเงินจนสูญเสียกว่า 4 ล้านบาท ล่าสุดเธอได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ได้แถลงความคืบหน้าของคดี โดยสามารถจับกุมเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินได้ ซึ่งคาดว่าเจ้าของบัญชีดังกล่าวอาจเป็นหนึ่งในขบวนการมิจฉาชีพ ไม่ใช่เพียงบัญชีม้า
เมื่อเร็วๆ นี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บิ๊กบอสแห่งเวทีมิสแกรนด์ และ ชาล็อต ได้ร่วมเชิญชวนแฟนๆ ติดตามชมซีรีส์ “หยดฝน กลิ่นสนิม” EP.5 พร้อมกันที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย สยามพารากอน โดยก่อนเข้าสู่โรงภาพยนตร์ ทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์อัพเดตความคืบหน้าของคดีเกี่ยวกับเงินที่สูญไปจำนวน 4 ล้านบาท
ล่าสุดตำรวจจับได้แล้ว?
ณวัฒน์ “ล่าสุดก็คือจับได้แล้ว ตอนนี้ ณ เวลานี้กำลังสอบสวนอยู่ แล้วก็มีความคืบหน้าค่อนข้างดี เดี๋ยวจะนัดรวมทุกอย่างแล้วแถลงข่าวอีกทีหนึ่ง วันที่ 20 ตอนบ่ายโมง แต่สิ่งที่ดีมากๆ เลย ก็คือมันไม่ใช่บัญชีม้า น่าจะเผื่อคนที่ร่วมโครงการเดียวกัน เพราะว่าเราจับได้ว่าเขามีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน มีการสแกนน้าเข้าออกหลายรอบ แสดงว่าไม่ใช่แค่คนเปิดบัญชี เพียงแค่เป็นทางผ่านขายการเปิดบัญชี แต่ว่าเป็นคนที่เดินออกนอกประเทศไปด้วย เดินกลับและเดินออกหลายรอบอยู่ ในความรู้สึกและข้อเท็จจริง เขาเป็นผู้ร่วมกระบวนการ ซึ่งก็น่าจะเป็นผลดีสำหรับคนอื่นและคนหลายๆ กลุ่ม ก็ให้กำลังใจทุกคน น่าจะขยายผลไปได้เกือบร้อยเคส เคสน้องเด็กนักเรียนกับคุณยายที่อุดร ก็เป็นอยู่ในกลุ่มนี้เหมือนกัน”
มีโอกาสที่จะได้เงิน 4 ล้านบาทคืนใช่ไหม?
ณวัฒน์กล่าว “มีโอกาส แต่จะได้ครบหรือเปล่าไม่รู้ อาจจะได้ 3 หรือ 4 ล้าน เนื่องจากเขาไปเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งเราสามารถรู้ได้ว่าไปในเส้นทางไหน แล้วเราก็ขอยืนยันอีกที องค์กรที่เปลี่ยนเงินสดให้เป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใคร เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ผมยังไม่พูดชื่อสถาบัน แต่ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ วันที่ 20 เราจะพูดชื่อสถาบันของคุณแบบชัดเจน โดยที่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้นแอพพลิเคชันหรือสถาบันที่ขึ้นต้นด้วยตัว B กรุณารับผิดชอบด่วนที่สุด สำหรับเคสนี้”
ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามได้มีอะไรบ้าง?
ณวัฒน์กล่าว “ก็คือจับได้แล้ว คืนนี้นอนคุก พรุ่งนี้จะไปฝากขังที่ศาล แล้วก็ค้านการประกันตัว ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล ว่าจะให้ประกันหรือไม่ แต่คาดการณ์ว่ามันพัวพันค่อนข้างเยอะ น่าจะไม่ได้รับการประกัน แล้วก็สืบไปถึงคนแวดล้อม เพราะลักษณะเหมือนร่วมกระบวนการแน่นอน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้าอย่างเดียว ตอนนี้จับได้ 1 คน คือผู้หญิงที่ชาล็อตโอนไป แต่ว่ามีอีกเยอะแยะเลย ไม่ใช่มีคนนี้คนเดียว แต่ประเด็นคือต้องขยายผลจากคนนี้ แต่คนนี้กำลังถูกสอบ น่าจะสอบเสร็จดึกๆ เลย สอบยาวเป็น 10 ชั่วโมง
ก่อนมานี่ก็คุยกับผู้การฯ ว่าสถานการณ์เป็นยังไง น้องยังปากแข็งไหม ให้ความร่วมมือในการขยายผลยังไงบ้าง แต่ที่แน่ๆ น้องยอมรับว่าเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าเป็นบัญชีม้าก็คงไม่ได้ออกไปนอกประเทศ เป็นแอเรียที่เป็นสถานที่ตั้งของคนกลุ่มนี้ ยังไม่ได้ถามถอนรากถอนโคลนหรอก เพราะยังมีสถิติทุกวัน ถูกหลอกไปได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน ต่อให้พูดขนาดไหนก็แล้วแต่ มันก็ยังไม่ลด ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วก็พยายามอยากคุยเรื่องนี้ให้มันเป็นประโยชน์ ไม่รู้จะเป็นประโยชน์วันไหน แต่ก็เหนื่อย ก็ต้องคุยกันต่อไป”
ตอนนี้เขาสารภาพอะไรแล้วบ้าง?
ณวัฒน์กล่าว “ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ แต่เขาก็คงไม่สารภาพอยู่แล้วตามปกติ เป็นเทคนิค แต่ถ้าเรามีหลักฐานเพียงพอ เราก็น่าจะสรุปได้ เพราะเจอเส้นเงินพอสมควร น่าจะขอความร่วมมือ เพราะเงินออกจากชาล็อตไปเข้าเขา แล้วเขาก็ไปเข้าตัวที่เปลี่ยนเงินเป็นอิเล็กทรอนิกส์เลยทันที โดยที่ไม่เป็น 1 2 3 4 เพราะสมัยก่อนพูดมาก็โยนไปให้คนอื่นให้มันกระจาย ซึ่งอันนี้มันอุกอาจเกิน ทั้งก้อนโยนตู้มเลย คนที่ขายให้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
หลังจากนี้ต้องเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมไหม?
ณวัฒน์ “ฝ่ายเราหมดแล้ว แค่คุยกันอยู่ตลอด เหมือนเป็นการกระตุ้นในวงของการสืบสวน ให้มันเข้มข้นชัดเจนขึ้น อยากได้จริงจัง ตอนนี้ก็ขอเปิดประเด็นว่าบริษัทหรือหน่วยงานที่จำหน่ายเงินประเภทนี้ รับเงินมาจากบัญชีของผู้หญิงคนนี้เต็มร้อยจากชาล็อตแล้วโอนเลย ต้องออกมารับผิดชอบ ถือว่าเป็นการรับของโจร ถ้าไม่รับผิดชอบผมจะเอาเรื่องครับ รวมถึงธนาคารด้วย เดี๋ยวก็จะฟ้องเหมือนกัน ในเมื่อเราฝากเขา แอพพลิเคชั่นเป็นของเขา อย่างน้อยต้องจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ พูดตรงๆ ไม่ต้องแอ๊บครับ กฎหมายมีการลงโทษธนาคารเรียบร้อยแล้วในเคสที่ผ่านมา แต่ธนาคารมักจะไม่ยอมให้เป็นข่าว เพราะกลัวว่าทุกคนจะใช้เงื่อนไขนี้ ซึ่งธนาคารต้องรับผิดชอบ ใครที่เสียหายไปฟ้องธนาคารได้นะครับ”
รู้สึกยังไงบ้างจับได้แล้ว?
ชาล็อตกล่าว “ก็ดีใจที่จับได้ค่ะ หนูเข้าใจในบัญชีม้ามันจะมี 3 ประเภท หนึ่งคือไม่รู้ตัวว่าเป็นบัญชีม้า สองรู้ตัว สามคือโดนหลอก แต่เคสนี้คือรู้ตัว ร่วมมือกับมิจฉาชีพ เลยอยากถามเหมือนกันว่าคุณสามารถกินอยู่นอนหลับสบายได้ไง ในความเดือดร้อนของคนอื่น บางคนไม่ได้แค่เสียใจ แต่ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มี คุณอยู่ได้ยังไงกับความโลภแบบนี้ หนูอยากเจอมาก”
ณวัฒน์กล่าว “อยากเจอต้องก่อนที่จะฝากขังคืนนี้ แต่ไม่มีใครว่าง ตอนนี้ยังสอบอยู่ (เป็นไปได้อยากเจอหน้าใช่ไหม?) ใช่ๆ นี่ๆ เพิ่งส่งมาล่าสุดเมื่อ 12.17 น. อันนี้ต้องพูดตรงๆ นะ ต้องขออภัย อยากให้ธนาคารรับผิดชอบด้วย นะมาคุยกันเร็วๆ มีการพิพากษามาแล้ว คดีที่ธนาคารจ่าย เทียบเคียงในสิ่งที่ศาลพิพากษา เพราะอย่าลืมว่าแอพพลิเคชั่นทุกแอพฯ ต้องรับผิดชอบถ้าเกิดความเสียหาย การที่เราไปใช้บริการไม่ว่าธนาคารไหน เราเอาเงินไปฝากไว้ ธนาคารได้ผลประโยชน์จากการเอาเงินเราไปสร้างประโยชน์ คือการปล่อยกู้หรือไปลงทุน เพราะฉะนั้นธนาคารได้ประโยชน์จากเรา ธนาคารเก็บเงินเราไว้ ธนาคารก็ต้องดูแลและรับผิดชอบด้วยพอสมควร ถ้ารับผิดชอบไม่ได้แสดงว่าเทคโนโลยีของธนาคารนั้นๆ หรือวิธีการของธนาคารนั้นๆ ไม่ปลอดภัยพอ เราตั้งข้อสังเกตได้2 แบบคือ 1.แล้วความลับของเราหลุดไปได้ยังไง 2. มีการป้องกันความปลอดภัยมากกว่านี้ไหม ทำให้ผู้ที่เอาเงินไปฝากได้ใช้ชีวิตปกติ สมมุติเวลาเราไลฟ์ในติ๊กต็อก เขามีโรบอทจับการพูด อะไรไม่ได้เค้าจะดูดทันที ซึ่งมันน่าจะมีเช่น “สวัสดีครับผมมาจากหน่วยงานนี้ๆ” มันจะต้องรู้โทนเสียงด้วย เพราะฉะนั้นธนาคารต้องพัฒนาให้ทัน อย่างคนที่หลอกชาล็อต ถ้าฟังให้ดีคือมิจฉาชีพอยู่แล้ว เลือกโทนเสียง เลือกคำ เลือกสตอรี่ แล้วจับคำพูดแล้วตัดได้เลยทันที ปิดเลขที่บัญชีให้เลยทันทีได้ ต้องทำได้ ฝากสื่อมวลชนไปบอกธนาคารด้วย ตอนนี้ก็พยายามหาทนายฟรีอยู่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เห็นทนายดังๆ ติดต่อมาอยู่”
ที่มาข่าวและภาพ:Matichon