เอลซัลวาดอร์ได้ประกาศแผนการเพิ่มการซื้อ Bitcoin สำหรับสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศในปีหน้า หลังจากที่เพิ่งบรรลุข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับ International Monetary Fund (IMF) แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะบังคับให้ประเทศต้องลดบทบาทของนโยบายเกี่ยวกับ Bitcoin แต่รัฐบาลยังคงแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลนี้อย่างชัดเจน
หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลงกับ IMF คือการขายหรือยกเลิกการใช้งาน Chivo Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงิน Bitcoin อย่างเป็นทางการของประเทศ โดย Stacy Herbert ผู้อำนวยการ National Bitcoin Office ยืนยันว่าแม้จะต้องปรับเปลี่ยน แต่ Bitcoin ยังคงมีบทบาทสำคัญ พร้อมกล่าวว่า “Bitcoin จะไม่หายไปไหน และเราก็เช่นกัน”
IMF ระบุว่า ข้อตกลงนี้ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโครงการ Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งภาคเอกชนจะมีอิสระในการเลือกว่าจะยอมรับ Bitcoin หรือไม่ และรัฐบาลจะลดบทบาทในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin การชำระภาษีจะอนุญาตเฉพาะในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ Chivo Wallet จะถูกยุติลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Nayib Bukele ยังคงยืนยันในนโยบายที่กล้าเสี่ยงเกี่ยวกับ Bitcoin แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก IMF และสถาบันการเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการใช้งบประมาณสาธารณะในการซื้อ Bitcoin และส่งเสริมให้ประชาชนใช้สินทรัพย์ดิจิทัลนี้ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เฉลิมฉลองหลังจากที่ราคาของ Bitcoin พุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกล่าวว่า “ผมบอกแล้วใช่ไหม”
โดย ณ เวลาที่เขียนนี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 100,300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้การถือครอง Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์มีมูลค่ารวมกว่า 620 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ แม้ว่าข้อตกลงกับ IMF ยังต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร ดูเหมือนว่าเอลซัลวาดอร์ยังคงเดินหน้าผลักดันการใช้ Bitcoin ในเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Cryptopolitan