<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

MicroStrategy อาจเผชิญภาระภาษีนับพันล้าน หลังปรับมาตรฐานบัญชี Bitcoin ใหม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นที่ทราบกันดีว่า Michael Saylor ผู้ก่อตั้ง MicroStrategy เป็นหัวหอกคนสำคัญที่เดินหน้าสนับสนุน Bitcoin และร้องเรียนให้มีการแก้ไขมาตรฐานการบัญชีการเงินที่ล้าสมัยมาอย่างยาวนาน ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้ประเมินมูลค่า Bitcoin (BTC) ในฐานะสินทรัพย์ของบริษัทต่ำเกินไป

หลังจากการล็อบบี้มานานหลายปี ในที่สุด Saylor ก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงกฎการบัญชีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2025 แต่ชัยชนะครั้งนี้อาจมาพร้อมกับราคาที่คาดไม่ถึง นั่นคือ ภาระภาษีหลายพันล้านดอลลาร์

ก่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ คำจำกัดความของคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีการเงิน (FASB) ได้จัดประเภท Bitcoin ให้อยู่ภายใต้ “สินทรัพย์ไม่สามารถจับต้องได้และไม่มีกำหนดอายุการใช้งาน” สิ่งนี้หมายความว่าบริษัทอย่าง MicroStrategy จำเป็นที่จะต้องรายงานราคาของ Bitcoin ในขณะที่ราคามันลดแม้จะสามารถฟื้นกลับขึ้นมาในภายหลังได้ก็ตาม

Saylor ชี้ให้เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีความยุติธรรมและต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดนควรที่จะให้บริษัทเอกชนสามารถรายงานผลกำไรจาก Bitcoin เมื่อราคาฟื้นกลับขึ้นมา

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ข้อกฎหมาย ASU 2023-08 ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ และทำให้บริษัทสามารถ จัดประเภท Bitcoin ในบัญชีของตนใหม่ได้ ภายใต้กรอบกฎหมายใหม่นี้ บริษัทต่างๆ จะสามารถรายงานมูลค่าตลาดตามเวลาจริงของ Bitcoin ที่ตนถือครอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นทั้งกำไรและขาดทุน ณ สิ้นงวดการรายงานแต่ละงวด

ฝันร้ายด้านภาษี

แม้ว่าการเปลี่ยนกฎดังกล่าวจะเป็นชัยชนะที่ทำให้เกิดความโปรงใสขึ้น แต่นั่นก็ทำให้ MicroStrategy ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านภาษีครั้งใหญ่  โดยรายงานจาก Wall Street Journal (WSJ) ระบุว่า กฎใหม่นี้ทำให้บริษัทมีสิทธิ์ถูกเรียกเก็บภาษี 15% จากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาษีขั้นต่ำทางเลือกสำหรับบริษัท (CAMT)

ภาษีดังกล่าวถูกเสนอขึ้นในปี 2022 เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ โดยมันมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้บริษัทจ่ายภาษีขั้นต่ำจากกำไรที่เกิดหรือยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนนี้ MicroStrategy มีกำไรจาก Bitcoin มาแล้วกว่า $1.7 หมื่นล้านและนั่นทำให้พวกเขาต้องจ่ายภาษี CAMT

นอกเหนือจากนี้ในหน้าที่ 6 ของรายงานผลประกอบการในไตรมาสของ MicroStrategy ระบุว่า “กำลังประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกำไรจากมูลค่ายุติธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง” ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าการประเมินมูลค่าเหล่านี้อาจทำให้บริษัทต้องเสียภาษี CAMT เว้นแต่จะมีการผ่อนปรนทางกฎระเบียบ

นักวิเคราะห์หลายคนต่างยืนยันออกมาแล้วว่าบริษัทอย่าง MicroStrategy จำเป็นที่จะต้องจ่ายภาษีเป็นมูลค่านับพันล้านดอลลาร์ภายใต้กฎหมายใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ขายแม้แต่ซาโตชิเดียวเลยก็ตาม

อย่างไรก็ตาม MicroStrategy ไม่ได้นิ่งดูดายแต่อย่างใดและได้เคลื่อนไหวเพื่อจัดการปัญหาภาษีนี้ โดยรายงานระบุว่า Saylor ได้พยายามเข้าไปล็อบบี้กับรัฐบาลของทรัมป์เพื่อขอให้ได้ยกเว้นการจ่ายภาษีดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการแต่อย่างใดว่าพวกเขาจะต้องจ่ายภาษีส่วนนี้หรือไม่

สุดท้ายนี้ข้อกฎหมายดังกล่าวได้เป็นหมุดหมายสำคัญต่อการยอมรับ Bitcoin ในระดับบริษัทภายในสหรัฐฯ แต่มันก็แลกความโปร่งใสมากับปัญาซับซ้อน และผลกระทบหลาย ๆ ด้านซึ่งทำให้เห็นว่ายังคงมีความยากลำบากอยู่ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาผสานเข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิม


ที่มา : thecoinrepublic