Bitcoin กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก นักลงทุนรายใหม่ต้องเผชิญกับการขาดทุนหนัก หลังจากตลาดเข้าสู่สภาวะแดงเดือด ส่งผลให้พวกเขาขาดทุนไปรวมกันกว่า 2.16 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 7.3 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลาเพียงสามวันเท่านั้น
ช่วงขาลงของ Bitcoin ครั้งนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญของนักลงทุนหน้าใหม่หลายคนที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดคริปโต ซึ่งขาดความเชื่อมั่นและไม่สามารถถือเหรียญได้นานพอที่จะรับมือกับความผันผวนได้ ผลที่ตามมาคือ พวกเขาตัดสินใจขายขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหนักกว่าเดิม
นักเทรดที่เข้าซื้อ Bitcoin ในช่วงราคาสูงสุดต้องเผชิญกับการขาดทุนที่หนักที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่มีกระเป๋าเงินอายุต่ำกว่า 3 เดือน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากความผันผวนของตลาด
แรงเทขายที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ดิ่งลง นักลงทุนที่เพิ่งเข้าซื้อ BTC ต้องเผชิญกับตลาดที่เต็มไปด้วยความกลัวและแรงกดดันจากการขายทิ้งอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก Glassnode แสดงให้เห็นว่า มากกว่า 42% ของนักลงทุนที่ขาย Bitcoin ในรอบนี้ถือเหรียญไว้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนตัดสินใจขาย นี่เป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดลงอย่างมาก และส่งผลให้เกิดการขายแบบ Panic Sell เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การขาดทุนครั้งใหญ่ในรอบนี้มีความคล้ายคลึงกับช่วงขาลงในเดือนมกราคม เมื่อราคา BTC ลดลงไปแตะระดับ $92,000 และมีนักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายตัดขาดทุน ก่อนที่ราคาจะดีดกลับมายืนเหนือ $100,000 อีกครั้ง
ขณะนี้อัตราส่วนระหว่าง Realized Profit และ Realized losses (ที่เกิดขึ้นจริง ) กลับเข้าสู่แดนลบอีกครั้ง ส่งสัญญาณว่า ตลาดอาจเข้าใกล้จุดต่ำสุดของรอบนี้
นักลงทุนรายใหญ่เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
อีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสนใจคือ นักลงทุนรายใหญ่เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง ข้อมูลล่าสุดระบุว่า มีการถอน Bitcoin จำนวนมากจาก Binance และ Kraken โดยผู้ซื้อรายใหญ่สองกลุ่มได้ดึง BTC ออกจากกระดานเทรดรวมกันเกือบ 1,000 BTC
ในขณะเดียวกัน วาฬรายหนึ่งบน Bitfinex ก็ได้ถอนเหรียญจำนวน 5,000 BTC ออกไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่เปิดเผยตัวตน
นอกจากนี้ นักลงทุนรายใหญ่บางกลุ่มเริ่มเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มผ่าน Coinbase แม้ว่าในช่วงที่ตลาดร่วงแรงจะมีนักลงทุนที่ต้องสูญเสียสถานะ Long บน Hyperliquid แต่ก็มีบางรายที่กลับเข้าสู่ตลาดด้วยเงินฝาก 5 ล้าน USDC พร้อมหวังว่า ในอนาคตทิศทางราคาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ นักขุด Bitcoin และบริษัทที่ถือครอง BTC ยังมีแนวโน้มสะสมเหรียญเพิ่มขึ้น โดยทุนสำรองของนักขุดเพิ่มขึ้นเป็น 1.94 ล้าน BTC
แม้ราคา Bitcoin จะร่วงหนักจากแรงเทขายช่วงนี้ แต่ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแล้ว ทุกครั้งที่ตลาดมีการปรับฐานอย่างรุนแรง มันก็มักจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในภายหลังทุกครั้ง สำหรับใครที่อดทนต่อความผันผวนได้ ก็มักจะได้รับกำไรที่คุ้มค่าเมื่อถึงตลาดขาขึ้นครั้งใหม่
ที่มา:cryptopolitan