สำหรับตลาดคริปโตที่อยู่ในช่วง Sideway หรือก็คือไม่ขึ้นไม่ลงเสียที นักเทรดหลาย ๆ คนนั้นอาจมีความกังวล สับสนต่อสถานการณ์ และเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าจริง ๆ แล้ว การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในวงการคริปโตของพวกเขานั้นถูกหรือไม่ ทำไมราคาของ Bitcoin ถึงไม่พุ่งขึ้นเช่นในอดีต และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งคำถามเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่จะมาทำลายกลยุทธ์การลงทุนของเราเสียมากกว่า
วันนี้ผู้เขียนจะขอแนะนำ 3 สิ่งที่นักลงทุนในตลาดคริปโตควรทำ โดยคาดว่าจะเป็นประโยชน์ ทั้งมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการ และผู้มีประสบการณ์อยู่แล้วแต่อาจเกิดความสับสน
หยุดจ้องกราฟบ่อย ๆ
หากคุณคือคนที่คอยเฝ้าจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือ อยู่ทุก ๆ 1 นาที ควรจะรู้ไว้ว่า การที่เพ่งจอตลาดเวลานั้นไม่ได้ส่งผลให้ราคาของมันทะยานขึ้นแต่อย่างใด สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นนั้นคือความเครียด, ความกังวล และสับสนเสียมากกว่า
ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ ก็คือเวลาส่วนใหญ่ที่เราหมดไปกับการเพ่งจอดูกราฟนั้น แทบจะสูญเปล่าทั้งหมด ผู้เขียนเองก็เคยประสบปัญหานั้นเช่นกัน เพราะกลัวว่าราคาของมันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในขณะที่เราไม่ได้มอง กลัวจะซื้อหรือขายไม่ทันคนอื่น ทำให้ติดดอยหรือตกรถได้ แต่เชื่อเถอะว่า วิธีการลงทุนแบบนั้นไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย ล้วนแต่จะสร้างความกังวลให้กับเรา และทำให้เราไขว้เขวไปจากกลยุทธ์ของเราเสียเปล่า เพราะฉะนั้นควรดูกราฟแต่พอดี ไม่จำเป็นต้องวิตกเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ช่วยเราได้คือการศึกษาค้นคว้าให้มาก เพื่อที่จะเข้าใจโปรเจกต์ที่เราลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเชื่อมั่น และไม่วิตกกับมันตลอด และสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าขายเหรียญของเราเพื่อ FOMO ตามเหรียญอื่นที่ทะยานขึ้น
สามารถเข้าใจได้หากช่วงที่ตลาด Sideway มาเป็นเดือน ๆ แบบนี้ อาจทำให้นักเทรดเริ่มหมดกำลังใจในการถือเหรียญบ้างเป็นธรรมดา เนื่องจากนักลงทุนทุกคนย่อมลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน แต่เมื่อการลงทุนของตนไม่มีผลตอบแทนกลับมาเป็นเวลาหลายเดือนย่อมร้อนใจเป็นปกติ
เชื่อว่านักเทรดหลายคนคงเคยเจอสถานการณ์ที่ เราศึกษาในเหรียญ A เป็นอย่างดี จากนั้นจึงเริ่มลงทุนในเหรียญ A ด้วยความเชื่อมั่นว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน ราคาของเหรียญที่ลงทุนไปแทบไม่ขยับไปจากเดิม เลยรู้สึกสับสนเล็กน้อย และบังเอิญเรารู้จักกันนักเทรดคนอื่นที่ลงทุนในเหรียญ B ที่เราศึกษามาแล้วว่าไม่ดีเท่าเหรียญ A ที่เราลงทุนอยู่แน่ ซึ่งเขาแค่ลงทุนมั่ว ๆ โดยที่ไม่ได้ศึกษาให้ดี แต่จู่ราคา ๆ เหรียญ B กลับราคาทะยานขึ้นอย่างสูง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 24 ชั่วโมง คุณเริ่มรู้สึกโมโหและท้อแท้ว่าทำไมคนที่ลงทุนมั่ว ๆ กลับได้ผลตอบแทน แต่คุณกลับไม่ได้อะไรเลย คุณขายเหรียญ A ที่ขาดทุน และไปซื้อเหรียญ B หลังจากนั้นไม่นาน 24 ชั่วโมง เหรียญ A พุ่งขึ้น 200 เปอร์เซ็นต์
เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมเคยเกิดมาแล้วสำหรับหลาย ๆ คน เนื่องจากความสับสนและไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นขั้นตอนของการศึกษาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และคัดเลือกโปรเจกต์ที่จะลงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนของเรา
อย่าลืมกลยุทธ์ และแผนที่วางไว้
ไม่แปลกใจเลยที่จะเคยได้ยินว่า ปัจจัยทางด้านจิตวิทยาเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ส่งผลกับการลงทุนเป็นอย่างมาก การที่เราสามารถหักห้ามใจให้ไม่โลภหรือกลัวเกิดไปจนสติแตกก็เป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนเช่นกัน
เคยเกิดเหตุการณ์ที่คุณพูดรู้งี้มากกี่รอบแล้วว่า หากคุณถือเหรียญนั้นนานอีกหน่อยก็กำไรหลายเท่าแล้ว แน่นอนว่าเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดกับคุณคนเดียว คนอื่น ๆ ก็เคยพอเจอเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ยอมทำตามแผนที่วางไว้
และในตลาดคริปโตนั้นยิ่งส่งผลหนักเข้าไปใหญ่ เนื่องจากมันมีความผันผวนที่รุนแรงกว่าปกติ ทำให้มีความโลภและความกลัวเข้ามามากกว่าปกติ และจะยิ่งหนักไปกว่านั้นในช่วงที่ตลาด Sideway ที่มีท่าทีไม่ชัดเจนชวนอึดอัด จนอาจจะทำให้ทนไม่ไหวไขว้เขวออกไปจากเส้นทางที่วางไว้
หากคุณศึกษา และค้นคว้าวิจัยในการลงทุนของคุณเป็นอย่างดีแล้ว ก็ควรจะเชื่อมั่นในกลยุทธ์ของเรา เช่น หาก Bitcoin ทะลุแนวต้านที่ 7,750 ดอลลาร์ เราจะเข้าซื้อทันทีโดยไม่ลังเล และไม่กลัวว่าราคาจะลดลงหรือไม่ และแน่นอนว่ากลยุทธ์เหล่านั้นต้องครอบคลุมหลายสถานการณ์เช่น หากเราจัดสินใจซื้อ และมันดันร่วงลงมาจริง ๆ เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เราก็พร้อมที่จะคัทลอส หรือขายเพื่อรักษากำไรไว้ที่ราคา 7,500 ดอลลาร์ เป็นต้น
ผู้เขียนคาดหวังว่าสิ่งที่แนะนำไปนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย เนื่องจากผู้เขียนเองเคยเจอสถานการณ์ดังกล่าวในช่วงที่เริ่มลงทุนแรก ๆ เช่นกัน และขอย้ำอีกคนนึงว่าปัจจัยทางด้านจิตวิทยาในการลงทุนนั้นส่งผลต่อเราเป็นอย่างมาก ทางออกที่ดีที่สุดคือการศึกษา และวางแผนให้มากที่สุด พร้อมทั้งมีวินัยที่แน่ชัด การทำกำไรในตลาดคริปโตนั้นก็ไม่ยากเกินไป
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น