Solana เปิดตัว Alpenglow Protocol ซึ่งเป็นการอัปเกรดระบบฉันทามติครั้งใหญ่ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการยืนยันบล็อกจากเดิมสูงสุด 12.8 วินาที เหลือเพียงไม่ถึง 150 มิลลิวินาที หรือเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 99% โดย Alpenglow จะเปลี่ยนระบบฉันทามติจาก Proof of History และ Tower BFT ไปใช้กลไกใหม่ชื่อ Rotor และ Votor ที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม Turbine ของ Solana เอง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการส่งและตรวจสอบบล็อกให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งย้ายกระบวนการยืนยันหลักไปอยู่นอกเชน (off-chain) เพื่อเพิ่มความเร็วและลดต้นทุนค่าธรรมเนียมลงอีกขั้น
Rotor จะทำให้การส่งบล็อกเสร็จสิ้นภายในขั้นตอนเดียว โดยไม่ต้องส่งต่อหลายครั้ง ส่วน Votor จะใช้หลักการโหวตแบบใหม่ที่สามารถยืนยันบล็อกได้ทันทีหากได้รับเสียงเห็นชอบมากกว่า 80% ในรอบแรก หรืออย่างน้อย 60% ต่อเนื่องสองรอบ ซึ่งช่วยลดจำนวนรอบการตรวจสอบจากระบบเดิมที่ต้องใช้หลายขั้นตอน
Alpenglow ยังออกแบบระบบความปลอดภัยใหม่ในแนวคิด “20+20 Tolerance” ซึ่งทำให้เครือข่ายยังทำงานได้แม้มี 20% ของโหนดถูกโจมตี และอีก 20% ออฟไลน์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าระบบใหม่นี้อาจลดความทนทานต่อการโจมตีลงจากเดิมที่ทนได้ถึง 49% ภายใต้กฎ 51%
การอัปเกรดครั้งนี้จะส่งผลให้ Solana สามารถยืนยันบล็อกได้เร็วขึ้นกว่า 100 เท่า รองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมจะถูกลง และไม่มีความแออัดบนเครือข่าย แม้มีแอปพลิเคชันหรือผู้ใช้จำนวนมากเข้ามาใช้งานพร้อมกัน นอกจากนี้ Alpenglow ยังถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับแผนการพัฒนา PayFi ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินบนบล็อกเชนที่ Solana วางเป้าหมายให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแห่งอนาคต
Alpenglow Protocol มีกำหนดเริ่มใช้งานจริงในช่วงต้นถึงกลางปี 2026 และจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ช่วยให้ Solana แข่งขันกับเครือข่ายอย่าง Ethereum และ BNB ซึ่งต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถยืนยันบล็อกได้เร็วในระดับต่ำกว่าหนึ่งวินาทีเช่นกัน
ที่มา : droomdroom