ความวุ่นวายของมหากาพย์การล้มละลายของ FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดัง ยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด โดยล่าสุดกองทรัพย์สินของ FTX ได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอ “ระงับ” การชำระหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ใน 49 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศจีนที่เป็นกลุ่มเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มเจ้าหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้รวมตัวกันยื่นคัดค้านกว่า 90 ฉบับเพื่อต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมาย

ตามเอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายในเดลาแวร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทรัพย์สินของ FTX ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งชะลอการพิจารณา เพื่อให้พวกเขามีเวลามากขึ้นในการตอบสนองต่อข้อคัดค้านจำนวนมาก โดยเหตุผลหลักที่กองทรัพย์สินยกขึ้นมาอ้างเพื่อขอระงับการจ่ายเงินคืนให้กับเจ้าหนี้ในกลุ่ม “เขตอำนาจศาลต่างประเทศที่ถูกจำกัด” (restricted foreign jurisdictions) คือความกังวลว่ากฎหมายคริปโตที่คลุมเครือหรือไม่ชัดเจนในประเทศเหล่านั้น อาจทำให้กองทรัพย์สินต้อง “เผชิญกับค่าปรับและบทลงโทษ ซึ่งรวมถึงความรับผิดส่วนบุคคลของกรรมการและเจ้าหน้าที่ และ/หรือบทลงโทษทางอาญาที่อาจสูงถึงขั้นจำคุก”

มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหนี้ใน 49 ประเทศ ที่มีมูลค่าการเรียกร้องค่าเสียหายรวมกันสูงถึง 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือเจ้าหนี้จากประเทศจีน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 82% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด หรือประมาณ 380 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจของกองทรัพย์สิน FTX ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ผู้เสียหาย นาย Weiwei Ji ซึ่งระบุว่าตนเองเป็นตัวแทนของเจ้าหนี้ชาวจีนหลายร้อยคน ได้แสดงความเห็นผ่าน X ว่า “ตั้งแต่เช้านี้ ผมยังไม่ได้พักเลยหลังจากที่ได้เห็นคำตอบโต้ของ FTX ต่อข้อคัดค้านของเรา”
ขณะที่ผู้ใช้ X อีกรายในชื่อ “Mr. Purple” ได้ออกมาเตือนว่าสถานการณ์นั้น “เลวร้ายกว่าที่พวกเขาคิด” และเสริมว่า “กระบวนการนี้ หากได้รับการอนุมัติจากผู้พิพากษา ถูกออกแบบมาให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่มูลค่าการเรียกร้องเหล่านี้จะกลายเป็นศูนย์ การรีบขายสิทธิ์เรียกร้องออกไป อาจจะ ช่วยเลี่ยงปัญหานี้ได้ แต่มันก็ไม่ได้รับประกัน” สถานการณ์ล่าสุดนี้ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับกระบวนการล้มละลายที่ยืดเยื้อมานานกว่าสองปี และยังคงมีมูลค่าการเรียกร้องค่าเสียหายอีกกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ที่ยังรอการแก้ไขปัญหาต่อไป
ที่มา: cointelegraph

