<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อนาคตกฎหมายคริปโตสหรัฐฯ ‘แขวนบนเส้นด้าย’ หลังสภาเตรียมปิดสมัยประชุม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ว่า “Crypto Week” จะเริ่มต้นขึ้นอย่างสวยงามด้วยการที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาสามารถผ่านร่างกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลที่สำคัญได้ถึง 3 ฉบับ แต่เมื่อสภาคองเกรสเตรียมที่จะปิดสมัยประชุมเพื่อพักในช่วงเดือนสิงหาคม ชะตากรรมของกฎหมายอีกสองฉบับที่เหลือกลับยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและกระบวนการทางนิติบัญญัติที่ยังต้องดำเนินต่อไปอีกยาวไกล

ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในสัปดาห์ที่แล้วคือการที่กฎหมาย Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins (GENIUS) Act ได้ผ่านการอนุมัติจากทั้งสองสภาและถูกลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างกฎหมายอีกสองฉบับ คือ Digital Asset Market Clarity (CLARITY) Act และ Anti-CBDC Surveillance State Act ยังคงต้องเดินทางอีกยาวไกล โดยจะต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป

ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือบรรยากาศทางการเมืองที่ยังคงแตกแยกอย่างรุนแรง แม้ว่ากฎหมายทั้งสามฉบับจะผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาได้ด้วยการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค แต่ฝ่ายเดโมแครตจำนวนมากยังคงหยิบยกประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นของประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าร่างกฎหมายที่เหลืออีกสองฉบับอาจต้องเผชิญกับการต่อต้านที่แข็งกร้าวในชั้นวุฒิสภา ที่ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สำหรับกฎหมายโครงสร้างตลาดคริปโต (CLARITY Act) นั้นดูเหมือนจะเป็นวาระสำคัญลำดับถัดไปของวุฒิสภา โดยล่าสุด วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 4 รายได้เปิดเผยร่างกฎหมายฉบับอภิปรายของตนเองซึ่งระบุว่า “ต่อยอดมาจาก” กฎหมาย CLARITY Act การเคลื่อนไหวนี้บ่งชี้ว่าอาจต้องมีการเจรจาและแก้ไขร่างกฎหมายกันอีกมาก กว่าจะได้มาซึ่งฉบับสุดท้ายที่จะเป็นที่ยอมรับของทั้งสองสภา

ในขณะที่ร่างกฎหมายต่อต้าน CBDC ต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบากยิ่งกว่า เนื่องจากในสภาผู้แทนราษฎรมี ส.ส. เดโมแครตเพียง 2 คนเท่านั้นที่ร่วมโหวตเห็นชอบ นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่าการโหวตในตอนแรกต้องหยุดชะงักไปก็เพราะสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเองก็ยังกังวลว่าถ้อยคำในกฎหมาย GENIUS Act อาจเป็นการเปิดช่องทางลับไปสู่การสร้างดอลลาร์ดิจิทัลได้

ซ้ำเติมความไม่แน่นอนเข้าไปอีก คือการที่วุฒิสภายังไม่ได้ลงมติรับรองการแต่งตั้งนาย Brian Quintenz ให้ดำรงตำแหน่งประธาน CFTC คนใหม่ ซึ่งการขาดผู้นำในหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญนี้ ยิ่งทำให้ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ ยังคงเต็มไปด้วยความคลุมเครือต่อไป ดังนั้น แม้การผ่านกฎหมาย Stablecoin จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ชะตากรรมของกฎหมายคริปโตในภาพรวมของสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรนั้น ยังคงเป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบหลังสภาคองเกรสกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง

ที่มา: cointelegraph