ช่วงเช้าวันนี้ราคา Bitcoin ดิ่งลงต่ำกว่า 113,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคม หลังเคยพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 124,128 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า แรงเทขายระลอกนี้ ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อ Bitcoin แต่ยังลุกลามไปถึงเหรียญคริปโตตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, XRP, Solana และอื่น ๆ ซึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้คือตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตลาดและนักวิเคราะห์ได้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ 3 สาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลงราคาในครั้งนี้
1.ความกังวลทางเศรษฐกิจมหภาคจากฝั่งสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า การร่วงลงของราคาครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งสหรัฐฯ
Joe DiPasquale ซีอีโอของ BitBull Capital ให้ความเห็นว่า การลดลงของราคาเป็นการผสมผสานระหว่างความตื่นตระหนกทางเศรษฐกิจและการปรับพอร์ตการลงทุนหลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยสำคัญคือ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และตัวเลข ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง
2.แรงขายทำกำไรและการล้างพอร์ต
นักวิเคราะห์อีกรายอย่าง Juan Leon จาก Bitwise Investments ชี้ให้เห็นอีกปัจจัยหนึ่งนั่นคือ “การเทขายทำกำไร” หลังจากที่ราคาทำสถิติสูงสุดเมื่อไม่นานมานี้ นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายทำกำไร ทำให้เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ตามมา และส่งผลให้เกิดการ ล้างพอร์ต (liquidation) ของนักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจอีกด้วย
3.เงินไหลออกจาก Bitcoin ETF อย่างมีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือ การไหลออกของเงินทุนจากกองทุน Bitcoin ETF โดยเมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) มีเงินไหลออกจาก ETF มากถึง 523.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นยอดไหลออกที่สูงสุดในรอบ 7 วันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มถอนเงินลงทุนออกจากตลาด
ปัจจุบันตลาดกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า Fed จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะการประกาศรายงานสำคัญเกี่ยวกับตัวเลขอัตราการว่างงานและตัวเลขภาคการผลิตในวันพฤหัสบดี รวมถึงถ้อยแถลงของ Jerome Powell ในงานประชุมสำคัญ Jasckson Hole วันศุกร์นี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $113,306 ลดลง 2.21% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

ที่มา:decrypt

