เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในงานประชุมประจำปีที่แจ็กสันโฮล โดยได้ประกาศปรับเปลี่ยนแนวทางนโยบายการเงินครั้งใหม่ ซึ่งจะกลับมาให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคาเป็นอันดับแรก และทิ้งกลยุทธ์บางอย่างที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2020 แม้ว่าท่าทีของเขาจะถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องให้ลดดอกเบี้ยในระยะสั้น แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกลับออกมาเตือนว่านี่อาจเป็นสัญญาณของยุคดอกเบี้ยสูงที่ยาวนานกว่าเดิม
เคธี บอสจันซิก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Nationwide มองว่าท่าทีของพาวเวลเป็นการ “ส่งสัญญาณผ่อนคลาย” (Dovish) อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่เขายอมรับว่าความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ Fed สามารถลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ได้ “สิ่งนี้สนับสนุนมุมมองของเราว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนหน้า และเรายังคงคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยรวม 0.75% ภายในสิ้นปีนี้” เธอกล่าว
ในทางตรงกันข้าม โจ บรูซูลาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ RSM US LLP เตือนว่าอย่าเพิ่งดีใจไปกับสัญญาณระยะสั้น เขามองว่าการที่ Fed กลับมาให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคาและเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างจริงจังนั้น หมายความว่า Fed พร้อมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “การกลับมาสู่เสถียรภาพด้านราคาและเป้าเงินเฟ้อ 2% หมายความว่าเราควรเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยจะสูงเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยในระยะใกล้ก็ตาม” บรูซูลาสกล่าว
โดยในการประกาศครั้งนี้ พาวเวลได้ยืนยันว่า Fed ได้นำถ้อยคำที่เกี่ยวกับสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำออกจากกรอบนโยบาย และได้ยกเลิกกลยุทธ์การชดเชย (compensation strategy) ที่นำมาใช้ในปี 2020
ที่มา: crypto.news

