ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนว่าจะเริ่มหมดความอดทนกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนแล้ว หลังจากที่ความพยายามในการเป็นคนกลางผลักดันให้ปูตินและเซเลนสกีมาคุยกันยังไม่เห็นผลชัดเจน เขาได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนอย่างจริงจังว่า หากการเจรจายุติสงครามล้มเหลว เขาพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งที่เขาเรียกว่า “สงครามเศรษฐกิจ” ทันที
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวทรัมป์ได้ออกมาแถลงอย่างชัดเจนว่า “มันจะไม่ใช่สงครามโลก แต่มันจะเป็นสงครามเศรษฐกิจ และสงครามเศรษฐกิจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับรัสเซีย และผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น”
สถานการณ์ความตึงเครียดเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่การพบกันระหว่างทรัมป์และปูตินที่เมืองแองเคอเรจ ในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถนำไปสู่การยืนยันวันประชุมเจรจาสันติภาพระหว่างผู้นำรัสเซียและยูเครนได้
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวจะเคยคิดว่า ปูตินได้ทำกานรตกลงที่จะเข้าร่วมการประชุมเจรจาสันติภาพแล้ว แต่ทางเครมลินกลับไม่มีการยอมรับเงื่อนไขนี้อย่างเป็นทางการ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ปูตินจะพบกับเซเลนสกีก็ต่อเมื่อมีการกำหนดวาระการประชุมที่ชัดเจนเท่านั้น”
คำพูดของทรัมป์ไม่ใช่แค่คำขู่ทั่วๆ ไป เพราะเขาได้เริ่มใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจแล้วอย่างเป็นทางการ โดยสั่งเพิ่มภาษีนำเข้าจากอินเดียสองเท่าหรือคิดเป็น 50% เพื่อตอบโต้ที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กดดันประเทศอื่นๆ ที่ยังคงทำการค้ากับรัสเซีย โดยกล่าวหาว่าการกระทำของประเทศเหล่านี้ เท่ากับเป็นการสนับสนุนเงินทุนให้กับสงครามในยูเครน
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจที่การโจมตีในยูเครนกลับมารุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการพูดคุยกับปูติน และยังวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีเซเลนสกีว่า ไม่แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เท่าที่ควร และมองว่าเซเลนสกีก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในครั้งนี้ด้วย
- ที่มาข่าว:cryptopolitan
- ที่มาภาพ:carta capital

