คณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังพิจารณากรอบกลยุทธ์ใหม่ที่เรียกว่า Post-Quantum Financial Infrastructure Framework (PQFIF) เพื่อปกป้อง Bitcoin, Ethereum และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ จากภัยคุกคามของเทคโนโลยี Quantum Computing ที่อาจทำให้การเข้ารหัสปัจจุบันไร้ประสิทธิภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เอกสาร PQFIF ที่ถูกเสนอต่อ SEC เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ระบุชัดว่า ระบบนิเวศดิจิทัลที่ใช้อยู่ทุกวันนี้กำลังเผชิญ “ความเสี่ยงต่อการอยู่รอด” หากเกิดการพัฒนา Quantum Computer ที่ทรงพลังพอ เพราะจะสามารถเจาะระบบความปลอดภัยที่คุ้มครองสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ได้ทันที ความเสียหายอาจลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) สร้างความสูญเสียรุนแรงแก่ผู้ลงทุน และทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดทรุดหนัก
หนึ่งในประเด็นใหญ่ที่ถูกหยิบยกคือกลยุทธ์ “Harvest Now, Decrypt Later” หมายถึงการที่ผู้ไม่หวังดีเก็บข้อมูลธุรกรรมหรือคีย์ที่เข้ารหัสไว้ก่อน และรอให้ Quantum Computer ในอนาคตมีพลังมากพอที่จะถอดรหัสข้อมูลเหล่านั้นได้ หากไม่เตรียมมาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า ความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกอาจถูกกระทบอย่างรุนแรง
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงนี้ PQFIF เสนอให้สหรัฐฯ เดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านไปใช้มาตรฐาน quantum-resistant cryptography โดยอิงมาตรฐานจาก NIST พร้อมแผนการย้ายระบบแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญให้กับระบบที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง institutional wallet และ exchange ต่าง ๆ ขณะเดียวกัน นักพัฒนา Bitcoin ก็ได้ยื่น Bitcoin Improvement Proposal (BIP) ที่เสนอให้ยกเลิกการใช้งาน address ที่เสี่ยงต่อการโจมตีด้วย Quantum ภายใน 5 ปี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมในการ “Future-Proof” ทรัพย์สินดิจิทัล
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเตือนว่า “Q-Day” วันที่ Quantum Computer สามารถถอดรหัสการเข้ารหัสของ Bitcoin ได้ อาจมาเร็วที่สุดในปี 2028 ซึ่งหากถึงวันนั้นโดยไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า ความมั่นคงของทั้งระบบการเงินดิจิทัลจะถูกสั่นคลอนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ที่มา:@rovercrc