<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

LINEA คืออะไร ? ทำไม SWIFT และธนาคารยักษ์ใหญ่ถึงเลือกใช้งาน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) หากพูดถึงเรื่องการโอนเงินระหว่างประเทศ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “SWIFT” เครือข่ายการเงินที่ทำหน้าที่เป็น “กระดูกสันหลัง” ของธุรกรรมระหว่างประเทศมากว่า 40 ปี ครอบคลุมสถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่งใน 220 ประเทศทั่วโลก  

แต่ล่าสุดสิ่งที่ทำให้ทั้งวงการต้องหันมาจับตามองคือ การที่ SWIFT กำลังเดินหน้าสร้างระบบใหม่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเลือกบริษัท Consensys มาร่วมพัฒนา และเทคโนโลยีแกนกลางที่ถูกใช้ก็คือ “บล็อกเชนของ Linea” นั่นเอง

LINEA คืออะไร? เทคโนโลยีบล็อกเชนจาก ConsenSys

Linea คือ บล็อกเชนเลเยอร์ 2 (Layer 2) บนเชน Ethereum ที่เลือกใช้เทคโนโลยี zk-rollups เพื่อช่วยให้การทำธุรกรรม “เร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมถูกลง” โดยไม่ต้องให้เครือข่ายหลักของ Ethereum ประมวลผลทุกรายการทีละรายการเหมือนเดิม

แนวคิดคือให้ Linea ประมวลผลธุรกรรม “นอกเชนหลัก” เป็นชุด ๆ แล้วค่อยส่ง หลักฐานความถูกต้อง (validity proof) กลับไปยืนยันบน Ethereum อีกที พร้อมแนบ “หลักฐานทางคณิตศาสตร์” ว่าทุกธุรกรรมถูกต้องจริง ๆ หลักฐานนี้เรียกว่า Zero-Knowledge Proof (ZKP) ซึ่งพิเศษตรงที่สามารถยืนยันความถูกต้องได้โดยไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของธุรกรรม

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างของ Linea คือความเป็น EVM-equivalent ไม่ใช่แค่ “เข้ากันได้ ” แต่ “เทียบเท่า” กับ Ethereum Virtual Machine เลย หมายความว่า นักพัฒนาสามารถย้ายสัญญา smart contract  ที่รันบน Ethereum มาอยู่บน Linea ได้แทบจะทันที โดยไม่ต้องแก้โค้ดหรือปรับแต่งอะไรมาก  ซึ่งต่างจากบางเชนที่แม้จะใช้เครื่องมือคล้ายกัน แต่ยังต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดีพลอยพอสมควร ความเทียบเท่านี้คือ เหตุผลใหญ่ที่องค์กรการเงินดั้งเดิมสนใจ เพราะร่น “ระยะเวลาทางด้านเทคนิค” ในการเชื่อมต่อระบบเข้ากับโลกคริปโต

สุดท้ายมี Bridge Relayer คอยทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่าง Linea, Ethereum และบล็อกเชนอื่น ๆ ให้การโอนเหรียญหรือการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายเป็นไปอย่างปลอดภัย ในอนาคต Linea ยังมีแผนจะกระจายอำนาจส่วนนี้ให้ไม่ขึ้นกับคนกลางเพียงรายเดียวอีกด้วย

ผู้อยู่เบื้องหลัง Linea คือ Consensys ทีมเดียวกับที่สร้าง MetaMask (กระเป๋าคริปโตยอดนิยม) และ Infura (บริการโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน) ทำให้ Linea ถูกรองรับใน MetaMask เป็นค่าเริ่มต้น ผ่าน Infura RPC ผู้ใช้จึงเชื่อมต่อใช้งานเครือข่ายได้สะดวกตั้งแต่วินาทีแรก นี่คืออีกภาพที่สถาบันการเงินชอบ เครื่องมือที่ผู้ใช้คุ้นเคยและมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้งาน

โทเคน LINEA และโมเดล Dual-Burn

ในด้านโทเค็นโนมิกส์ LINEA ถูกออกแบบมาอย่างแตกต่างจากหลายบล็อกเชน เพราะไม่ได้บังคับให้ผู้ใช้ต้องถือโทเค็นของเครือข่ายเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม แต่กลับเลือกใช้ ETH เป็นค่าก๊าซ (Gas fee) แทน สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น ไม่ต้องถือหลายเหรียญ และยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงโดยตรงกับ Ethereum

นอกจากนี้ Linea ยังมีระบบที่เรียกว่า Dual-Burn ซึ่งหมายถึง รายได้จากค่าธรรมเนียมจะถูกนำมาเผาทำลายเหรียญเพื่อลดปริมาณหมุนเวียน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 20% นำไปเผา ETH และอีก 80% นำไปเผา LINEA ส่งผลให้ทุกครั้งที่มีธุรกรรมเกิดขึ้นบนเครือข่าย ไม่ได้ช่วยสร้างความขาดแคลนให้ LINEA เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งแรงหนุนต่อมูลค่าของ Ethereum ไปพร้อมกัน 

ทำไม SWIFT ถึงเลือกใช้ Linea ?

สิ่งที่ทำให้ Linea กลายเป็นตัวเลือกสำคัญของ SWIFT และธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง J.P. Morgan, HSBC และ Bank of America คือความสามารถในการเชื่อมต่อโลกการเงินดั้งเดิม เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยมีรากฐานจาก ConsenSys ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Ethereum ที่อยู่เบื้องหลัง MetaMask และ Infura ซึ่งได้รับการยอมรับมายาวนานในวงการ จุดแข็งเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินว่า Linea สามารถรองรับระบบ Real-time Settlement ที่ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันในมุมเทคโนโลยี Linea ใช้ zk-rollups ร่วมกับ zk-SNARKs เพื่อยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมอย่างเข้มข้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ EVM-equivalence ที่ช่วยให้การย้ายแอปพลิเคชันจาก Ethereum มาใช้งานบน Linea ทำได้แทบไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ Linea ยังมีกลไก dual-burn ที่เชื่อมโยงกิจกรรมบนเครือข่ายเข้ากับความขาดแคลนของทั้ง ETH และ LINEA ทำให้ทุกธุรกรรมไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศของ Linea เอง แต่ยังส่งผลบวกต่อ Ethereum ด้วย 

โดยสรุปแล้ว Linea คือ L2 ที่มุ่งปรับขนาด Ethereum Blockchain ด้วย zk-rollups โดยไม่ทิ้งหลักการด้านความปลอดภัย อีกทั้งยังมี EVM-equivalent ช่วยให้นักพัฒนาย้ายแอปได้รวดเร็ว ผู้ใช้ปลายทางได้ธุรกรรมที่เร็วและถูกลง ขณะที่โมเดลค่าก๊าซเป็น ETH และระบบ dual-burn ทำให้ Linea กลายเป็นสะพานที่ “ใช้งานได้จริง” ระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับโลก on-chain และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ SWIFT และสถาบันการเงินใหญ่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ

ที่มา: Swift, Binance.academy , CoinMarketCap

ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง