วันนี้ (25 ตุลาคม) ทาง สยามบล็อกเชนได้รับเกียรติในการร่วมงาน Bitkub Summit 2025 ซึ่งภายในงานได้เต็มไปด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษที่ได้ขึ้นมาพูดเรื่องน่าสนใจมากมาย
ทว่า ไฮไลท์หลักของงานในวันนี้ คงหนีไม่พ้นเวที “The great Debate เงินเฟ้อ-อสังหาฯ- Bitcoin” ที่มีการเชิญ คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา , คุณ ซีเค เจิง , คุณดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร ร่วมด้วย คุณพิชัย จาวลา และ ดร.โสภณ พรโชคชัย โดยมี คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
เงินเฟ้อมีจริงไหม?
เริ่มกันด้วยการสัมภาษณ์ของคุณพิชัยในเรื่องเงินเฟ้อ ในมุมมองของคุณพิชัย เงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ไม่ให้ราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรวย ดังนั้นสิ่งที่ควรจะต้องสอนคือทำให้คนรวยขึ้น ไม่ใช่ให้คนกลัวเงินเฟ้อ
มากไปกว่านั้น คุณพิชัยกล่าวว่า สิ่งที่สร้างเงินเฟ้อมากที่สุด คือ อสังหาริมทรัพย์ และ ที่ดิน แต่ไม่ถูกนำมาคำนวนในค่าเงินเฟ้อเพราะเป็นกติกาที่คนรวยออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนไขว้เขวไม่เข้าใจ คนที่เคยรวยในอดีตต่างจนลงในวันนี้เป็นเพราะอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีการถือครอง ดังนั้นถ้ารัฐมีการคำนวนในส่วนนี้ทุกคนจะอยู่กันไม่ได้หมด
ถัดมา ดร.โสภณ กล่าวว่าเงินเฟ้อไม่มีอยู่จริงเพราะของที่แพงขึ้นจะมาพร้อมกับค่าแรงที่มากขึ้น ถ้าเรารายได้เท่าเดิมเราก็ไม่สามารถซื้ออาหารได้จนอดตาย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปกลัวว่าเงินเฟ้อจะทำให้อดตาย
แต่ในประเด็นเรื่องของอสังหาฯ ที่คุณพิชัยกล่าวมา ดร.กล่าวว่ามันเกิดจากการโลกาภิวัตน์เนื่องจากต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างหนัก ทำให้ราคาที่ดินแพงขึ้นอย่างมาก
ด้าน ซีเค ตอบกลับว่า เงินเฟ้อไม่ได้มาจากการพิมพ์เงินของรัฐบาลอย่างเดียว และถ้าธุรกิจสามารถสร้างเงินได้เร็วกว่าเงินเฟ้อก็แทบจะไม่เป็นปัญหา แต่มันไม่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ และเงินก็ยังคือหนี้ตามที่เขาเคยได้กล่าว ดังนั้นคนรวยจึงไม่เก็บเงินสดในมือแต่เก็บผลิตภัณฑ์
ทว่า ดร. นั้นมองต่างและระบุว่ามีการเก็บเงินสดเพราะเวลามีเรื่องฉุกเฉินจะได้ใช้ได้คล่อง
ในส่วนของ คุณดิว มีมุมมองว่าในการเอาชนะเงินเฟ้อได้ คือการหารายได้เพิ่มไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เพราะเงินเดือนคนจบปริญญาเป็นหมื่นก็จริง รายได้มากขึ้น แต่มันเพิ่มไม่ทันกับเงินที่เฟ้อขึ้น
ทั้งนี้ คุณท๊อปได้สรุปประเด็นว่า ทั้งสองฝั่งนั้นถูกกันคนละประเด็น โดยฝั่งของ ดร. นั้นเป็นเรื่องของ Absolute poverty ที่ดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้ลำบากขึ้น ส่วนฝั่งของซีเคกังวลเรื่อง Relative poverty นั้นทำให้อำนาจการซื้อของคนที่มีลดลง และมีช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมากขึ้น
มุมมองบิทคอยน์
คุณท๊อป มองว่า Bitcoin ไม่มีทางไร้ค่าเหมือนที่ดร.โสภณ กล่าวอ้างว่าจะเป็นศูนย์ มีแต่ราคาไม่มีคุณค่า
ดร.กล่าวว่า Bitcoin นั้นถูกสร้างมาโดยใครไม่รู้ แต่เพราะมีคนซื้อราคาจึงขึ้น และทุกบูลรันราคาก็เพิ่มขึ้นน้อยลงทุกครั้ง ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาล้ม Bitcoin ก็อาจเสื่อมค่าเพราะเอาไปทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นกับกลุ่มมิจฉาชีพ
ขณะเดียวกัน คุณพิชัย มองว่า ของที่ดีแค่ไหนก็ช่างแต่ถ้าผิดเวลายังไงก็ต้องลง เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ซื้อ Bitcoin เพราะร้อนแรงเกินไป โดยยกตัวอย่างขึ้นมาว่า จุดที่อันตรายที่สุดคือคำที่ทุกคนบอกว่า Bitcoin จะไปต่อแน่ ซึ่งตรงนี้จะเป็นกับดักให้คนอยากซื้อมากที่สุด ถ้าวันนี้เราเป็นเจ้ามือรายใหญ่เราจะไม่อยากลากราคาไปสูงเพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะมีคนซื้อต่อที่ยอด ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าในระยะสั้น ราคาจะไม่ไปต่ออย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับทองคำที่ตอนนี้เริ่มน่ากลัว
ส่วนคุณท๊อปมองว่า เป็นเรื่องของตลาดคือราคาในระยะสั้นเติบโตเร็วกว่ามูลค่าที่แท้จริง แต่ในระยะยาวมูลค่าจะตามทันในที่สุดเองจึงไม่ได้น่าห่วงเรื่องการติดดอย แถม Bitcoin ก็เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกจริงไม่ใช่สิ่งที่มาไวไปไว ขณะที่ทองคำในตอนนี้เทคโนโลยีก็ใกล้จะสังเคราะห์ได้แล้ว ทำให้เหลือตัวเลือกแค่ หุ้นเทคที่เสี่ยงต่อการ dilute กับ Bitcoin ที่เป็นเงินที่แข็งแกร่ง
คุณ ดิว กล่าวว่าตัวเขาเอง เคยอยู่ในวงการเหมืองขุดมาก่อนในช่วงที่ Bitcoin มูลค่าเพียง $2,000 ต่อเหรียญ ใช้ค่าไฟเดือนละหลายแสน แต่แลก BTC ได้สามหมื่นต่อวัน โดยทำการแลกจนหมดไม่เคยเก็บเพราะคิดว่าสิ่งที่มาจากศูนย์ขึ้นมาถึงขนาดนี้ถือว่าเยอะแล้ว ซึ่งถ้าเขาไม่ขาย ตอนนี้อาจรวยเป็นพันล้านแล้ว
คุณพิชัยกล่าวเสริมว่า ในกรณีของคุณดิวในช่วงจังหวะที่ทำการขุดเหมืองถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดตามทฤษฏีคนส่วนน้อย แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรเพราะทุกคนรู้จักคริปโตกันหมดแล้ว ไม่มีช่องว่างให้เติบโต
และเมื่อถาม ว่าทำไมถึงเป็นคนส่วนน้อย คุณพิชัยจึงกล่าวว่าพื้นฐานของทุนนิยมคือ เงินจะมีค่าก็ต่อเมื่อเงินหายาก ดังนั้นจึงมีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรวย ดังนั้นเขาไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิดขอเป็นคนส่วนน้อยก็พอ โดยเมื่อเป็นคนส่วนน้อยเราจะต้องเป็นคนผิด โดยเขาได้กล่าวประโยคเด็ดว่า มนุษย์พลาดเพราะแน่ใจในเหตุผล แต่เหตุผลมันดิ้นได้ ไม่เหมือนหลักการที่อยู่เหนือเหตุผล
จะเอาตัวรอดอย่างไร
สุดท้ายนี้ ซีเคได้แนะนำวิธีการรับมือเงินเฟ้อโโยอ้างถึง Warren Buffett ว่าถ้าไม่มีความรู้และไม่อยากเข้าใจหุ้นคือการซื้อดัชนี หรือ S&P 500 เพราะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่มันจะไม่ทำให้คุณรวย เนื่องจากมันคือตลาด ดังนั้นคุณต้องชนะตลาด ( ต้องกำไรมากกว่า +10% ต่อปี) จึงจะร่ำรวยขึ้นได้ เช่น ซื้อหุ้นรายตัว หรือทำธุรกิจ

