ท่ามกลางกระแสไวรัลและความเข้าใจผิดที่สะพัดในโลกโซเซียลล่าสุด CK Cheung (ซีเค เจิง) CEO Fastwork ได้ออกมาชี้แจงสถานะความมั่งคั่งดิจิทัลของตนเองอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการถือครอง Bitcoin 1,000 BTC
CK ยืนยันว่า ภาพถ่าย Bitcoin ในบัญชี Binance ที่หลายคนพูดถึงและยังนำมาเป็นข้อมูลอ้างอิงนั้นเป็นเพียง “รูปเก่าประมาณ 4 ปีก่อน” เท่านั้น โดยสถานการณ์ปัจจุบันของพอร์ตการลงทุนได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาชี้แจงว่า “ปัจจุบันคริปโตของผมถูกย้ายไปเก็บใน cold wallet ทั้งหมด” และมีการกระจายพอร์ตการลงทุน รวมถึงการนำไปใช้ในรูปแบบการกู้ยืม (Debt) และการลงทุนใน Fastwork ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่เขายืนยันว่าได้ทุ่มเทอย่างต่อเนื่อง
CK ยังได้ตอกย้ำแนวคิดการลงทุนของเขาที่ยึดมั่นใน AI มาตั้งแต่ปี 2021 โดยระบุว่านวัตกรรม AI ที่ขับเคลื่อนโดย “computer scientist ที่เก่งที่สุดในโลก” คือ สิ่งที่เขามองว่าสร้างมูลค่าในระยะยาวได้ยั่งยืนกว่า “crypto philosophy” ที่หลายคนยังเข้าใจผิด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำว่ากลยุทธ์ของเขาคือ การลงทุนในทิศทางของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ CK ยังได้เปิดเผยถึงเจตจำนงที่แท้จริงของการนำความมั่งคั่งมาใช้ โดยระบุว่า แม้จะถูกมองว่าเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แต่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าคือการนำทรัพย์สินที่ตนมีไป “พยายามสร้างนวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ให้กับประเทศ” นั่นคือการพัฒนา Fastwork ให้แข็งแกร่งและเป็นกลไกสำคัญในการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับการพัฒนา Fastwork ในปีหน้า CK เปิดเผยแผนการสำคัญที่จะมีการปรับรูปแบบการจ่ายเงินไปสู่โมเดล Pay Per Click (PPC) Ads มากขึ้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการมอบการันตีลูกค้า (GP) ให้กับผู้ว่าจ้าง รวมถึงการพัฒนาระบบ Escrow เพื่อสร้างความปลอดภัย และการพัฒนาระบบการจับคู่การจ้างงานแบบใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้ค้นหาฟรีแลนซ์ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว การออกมาให้ข้อมูลครั้งนี้จึงเป็นการสื่อสารที่ครบถ้วนทั้งเรื่องสถานะ Bitcoin ส่วนตัว และวิสัยทัศน์การพัฒนานวัตกรรมของ Fastwork