Nikolaos Panigirtzoglou นักกลยุทธ์ตลาดโลกของ JPMorgan ระบุว่า Bitcoin อาจพุ่งแตะ 170,000 ดอลลาร์ภายใน 6–12 เดือนข้างหน้า ซึ่งหมายความว่า Bitcoin Hyper (HYPER) โซลูชั่น Layer 2 อาจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ตามการประเมินแบบอนุรักษนิยม
ปัจจุบัน Bitcoin Hyper สามารถระดมเงินลงทุนได้สูงถึง $26 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าอาจมีสถาบันการเงินเข้าร่วมลงทุนด้วย เนื่องจากขนาดการซื้อของนักลงทุนบางรายใหญ่ผิดปกติ ทำให้โทเคนนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งเหรียญระดมทุนในช่วงเริ่มต้น ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี 2025
ในฐานะโซลูชัน Layer 2 ที่ทำงานบน Solana Bitcoin Hyper ต้องการเปลี่ยน Bitcoin ให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ขยายขนาดได้จริง พร้อมส่งมอบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Bitcoin ในฐานะ “เงินดิจิทัล”
นอกจากนี้ Bitcoin Hyper ยังช่วยให้เลเยอร์หลักของ Bitcoin สามารถทำงานได้มากขึ้น โดยเตรียมขยายศักยภาพ Bitcoin ที่ถูกใช้งานน้อยให้กลายเป็นศูนย์กลาง DeFi แห่งใหม่ ซึ่งอาจเข้ามาแทนที่เครือข่ายอย่าง Ethereum
ปัจจุบัน โทเค็น HYPER มีราคาซื้อขายอยู่ที่เพียง 0.013235 ดอลลาร์ แต่ราคาจะปรับขึ้นในเฟสถัดไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
Bitcoin Hyper ถูกสร้างขึ้นบน Bitcoin จึงได้รับมรดก จากคุณสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของ Bitcoin คือ ความปลอดภัย และยังเสริมด้วยความน่าเชื่อถือของเลเยอร์ประมวลผลจาก Solana Virtual Machine (SVM) รวมถึงเลเยอร์การชำระธุรกรรมที่ผูกสถานะเข้ากับ Bitcoin เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สถานะถูกต้องและปลอดภัย
ทั้งหมดนี้รวมกัน เป็น “สูตรความสำเร็จ” ที่สมบูรณ์แบบ หากยืมศัพท์ในวงการบล็อกเชนมาใช้ ระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper นั้นมอบความสามารถในการปรับขยายขนาดที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้ และย้อนกลับไม่ได้ โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือลงแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคริปโตจำนวนมาก มองว่า Bitcoin Hyper อาจเป็นโปรเจกต์ต่อไป ที่จะให้ผลตอบแทนเติบโตก้าวกระโดดในตลาดคริปโต
ก้าวข้ามความผันผวนระยะสั้น พร้อมรับอนาคตของ Bitcoin
ผู้ที่มองข้ามความผันผวนและเสียงรบกวนในตลาดได้ อาจจะสามารถทำกำไรจากการถือครองโทเค็น HYPER
หลังจากราคา Bitcoin ทำ ATH ที่ $126,000 ราคา Bitcoin ก็ปรับตัวลดลงเป็นช่วง ๆ เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ราคา Bitcoin ร่วงลงมาต่ำกว่า $100,000 เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทำให้นักลงทุนฝั่ง Long ที่ใช้เลเวอเรจหนักเริ่มกังวลกันถ้วนหน้า
ความกังวลที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต เกิดมาจากความเสี่ยงของฟองสบู่ AI ที่อาจใกล้แตก และอาจลากให้มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม “Magnificent Seven” (Alphabet, Amazon, Apple, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla) ที่พุ่งนำตลาดขาขึ้นอยู่ในขณะนี้ เกิดการร่วงลงอย่างรุนแรง
ในปีนี้ผลตอบแทนกว่า 70% ของดัชนี S&P 500 มาจากหุ้นเทคทั้ง 7 ตัวนี้เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ตลาดคริปโตเทรเชอรีสต็อก และ Bitcoin ETF ก็อยู่ภายใต้ความกดดันไม่แพ้กัน
สภาวะตลาดเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงโอกาสสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่น ช่วงที่โปรเจกต์ระดมทุนเริ่มต้นของ Bitcoin Hyper
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับตรงกันข้าม คำกล่าวอมตะของนักลงทุนระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ดูจะเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ราคา Bitcoin ดูเปราะบางในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง
“จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”
Bitcoin มีราคาถูกกว่าทองคำ ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ $4,000 อีกครั้ง
ราคา Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ระดับ $100,666 และฟิวเจอร์สก็ปรับตัวลดลงก่อนเปิดตลาดสหรัฐฯ ทำให้การคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin จะไปถึง $170,000 อาจดูเกินจริงสำหรับบางคน แต่เหตุผลของ Panigirtzoglou นั้นฟังขึ้นอย่างสมเหตุสมผล
เขาได้สรุปง่าย ๆ ว่า Bitcoin ที่ร่วงลง 20% จากจุดสูงสุดจนเข้าใกล้โซนตลาดหมีนั้น เกิดจากการปลดเลเวอเรจของ position การลงทุนหนัก ๆ และการปรับตัวลดลงครั้งนี้จะเป็นฐานสำคัญที่นำไปสู่การขึ้นของราคาครั้งต่อไป
Bitcoin ในขณะนี้ ดูมีราคาถูกกว่าทองคำ แม้ว่าราคาทองคำเองก็เพิ่งปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เหนือ $4,000 ก็ตาม
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี
| ดัชนี | ปีที่แล้ว | 5 ปีที่แล้ว | 10 ปีที่แล้ว |
|---|---|---|---|
| Bitcoin | 69.5% | 60.2% | 81.6% |
| Gold spot price | 28.6% | 11.7% | 11.1% |
แหล่งที่มา: https://curvo.eu/backtest/en/compare-indexes/bitcoin-vs-gold-bullion
Panigirtzoglou อ้างถึงการ ปิด position ฟิวเจอร์สต่อเนื่อง (perpetual futures) ครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้น หลังจากการสูญเสียครั้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์มูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเกิดขึ้นตอนที่ Donald Trump ขู่ขึ้นภาษีจีน 100% แม้ว่าการขู่ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นไปแล้ว
นักวิเคราะห์ยังได้กล่าวถึง การขโมยเงิน 128 ล้านดอลลาร์จากโปรโตคอล DeFi ของ Balancer โดยระบุว่า กิจกรรมนี้ได้เพิ่มความกังวลในตลาด
เหตุการณ์การลดเลเวอเรจนี้ ถูกแสดงโดยนักวิเคราะห์ผ่านอัตราส่วนของ open interest ใน perpetual futures ต่อมูลค่าตลาด Bitcoin ซึ่งตอนนี้กลับมาที่ค่าเฉลี่ยตั้งแต่เดือนมกราคม 2024
นักกลยุทธ์ตลาดโลกของ JPMorgan สรุปว่า “การวิเคราะห์เชิงกลไกนี้ บ่งชี้ถึงโอกาสในการขึ้นของราคา Bitcoin อย่างมีนัยสำคัญใน 6–12 เดือนข้างหน้า”
อัตราส่วน open interest ของ perpetual futures ขณะนี้กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับต้นเดือนมีนาคมปีนี้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากสะท้อนความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังถือเป็น ฐานใหม่สำหรับการเติบโตของราคาอีกด้วย

แม้จะมีสัญญาณความกังวลในตลาดมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม แต่ Bitcoin Hyper กลับพิสูจน์ตนเองว่า เป็นจุดปลอดภัยสำหรับนักลงทุน โดยมีเงินลงทุนเกือบ $6 ล้านดอลลาร์ไหลเข้ามาในโปรเจกต์นี้
สัญญาณหนึ่งที่สะท้อนมุมมองตลาดคือ การซื้อสะสมของเจ้ามือรายใหญ่ ที่เข้าสร้างสถานะการลงทุนมูลค่าหลายแสนดอลลาร์ โดยมีเจ้ารายหนึ่งได้สะสมโทเคน HYPER ไปถึง $62.2 ล้านเหรียญ ซึ่ง ณ เวลาที่เข้าร่วม มีมูลค่าประมาณ $833,000 ดอลลาร์
ขณะที่เจ้ามือรายอื่น ๆ ก็เข้าซื้อเช่นกัน โดยมีรายหนึ่งเข้าซื้อ 24.6 ล้าน HYPER คิดเป็นมูลค่า 327,000 ดอลลาร์ และอีกรายซื้อ 25.65 ล้านโทเคน (มูลค่า 333,000 ดอลลาร์) ล่าสุดยังมีเจ้ามืออีกรายที่ซื้อ 10 ล้าน HYPER มูลค่า 135,000 ดอลลาร์
โปรเจกต์ระดมทุนในช่วงเริ่มต้นของ HYPER ได้ดำเนินมาเป็นเวลานานถึง 155 วัน และคาดว่า จะปิดลงในเร็ว ๆ นี้ หากต้องการเข้าร่วมโทเคน HYPER ในวันนี้ สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ Bitcoin Hyper โดยเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน Best Wallet หนึ่งในกระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุดในตลาด
คุณสามารถพบ HYPER ในส่วน Upcoming Tokens ของแอป Best Wallet ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าร่วม ติดตาม และเคลมโทเค็นใหม่ได้ง่าย เมื่อเปิดใช้งาน
ผู้เข้าร่วม Bitcoin Hyper สามารถเริ่ม staking ทันทีเพื่อรับผลตอบแทนแบบไดนามิก 45% APY
สามารถติดตามข่าวสารของโปรเจกต์ได้ โดยเข้าร่วม ชุมชน Bitcoin Hyper บน Telegram และ X
หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Bitcoin Hyper เพิ่มเติม ได้แล้ว
| เช็คลิสต์ | รายละเอียด | สถานะ |
|---|---|---|
| 1. เว็บไซต์ & Whitepaper | โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม | ✔️ |
| 2. ความโปร่งใสของทีมงาน | ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด | ❌ |
| 3. Tokenomics | เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป | ✔️ |
| 4.Smart Contract | Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน | ✔️ |
| 5. มีกำหนดการชัดเจน | โปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน | ❌ |
| 6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้ | กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้ | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
| 7. คอมมูนิตี้ | โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว | ✔️ |
| 8. สภาพคล่อง | โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น | ❌ |
| 9. สัญญาณอันตราย | โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
| อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่ | ||
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน
บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์

