Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้เปิดตัวเฟรมเวิร์กความเป็นส่วนตัวใหม่สำหรับเครือข่าย Ethereum ชื่อว่า “Kohaku” ซึ่งถือเป็นเส้นทางการอัปเกรดความเป็นส่วนตัวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ Ethereum เคยกำหนดไว้ Kohaku ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ที่ท้าทายที่สุดของโลกคริปโต นั่นคือการสร้าง ความเป็นส่วนตัวโดยไม่ละทิ้งการปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance)
หลักการทำงานของ Kohaku คือการใช้ Stealth Address แบบชั่วคราว (Ephemeral Stealth Address) โดยสมมติให้ Alice ต้องการส่งเงิน $1,000 ให้ Bob โดยที่ไม่มีใครรู้ยอดเงินคงเหลือในกระเป๋า Bob จะสร้างคีย์ลับ (Stealth Keypair) ที่เชื่อมโยงกับกระเป๋าเงินจริงของเขา จากนั้น Alice จะใช้คีย์ลับนั้นเพื่อสร้าง ที่อยู่ลับแบบใช้ครั้งเดียว (One-Time Stealth Address)และส่งเงินไปยังที่อยู่นั้น เมื่อ Bob สแกนเครือข่ายและพบว่าที่อยู่ลับนั้นได้รับเงิน เขาก็จะสามารถดึงเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินจริงของเขาได้ และที่อยู่ลับนั้นก็จะหมดอายุลง
ในทางปฏิบัติ Kohaku สร้างที่อยู่ลับที่ใช้แล้วทิ้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมแบบส่วนตัวได้โดยไม่ต้องเปิดเผยความเชื่อมโยงกับกระเป๋าเงินหลัก ซึ่งสิ่งนี้ถูกมองว่าเป็น “Game Changer” เพราะมันช่วยให้การถือครองสินทรัพย์ด้วยตนเอง (Self-Custody) รู้สึกปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป ประเด็นสำคัญที่ทำให้ Kohaku แตกต่างจากเครื่องมือความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ คือ ความเป็นไปได้ในการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะ เปิดเผยความเชื่อมโยง ระหว่างที่อยู่ลับกับกระเป๋าหลักได้ต่อสาธารณะ หากมีการร้องขอเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบบัญชี หรือการกำกับดูแลจากสถาบัน ซึ่งหมายความว่า Blockchain จะไม่เปิดเผยข้อมูลโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้มีอำนาจในการเลือกเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใสตามความจำเป็น
นักวิเคราะห์มองว่า Kohaku คือ “การปฏิวัติอย่างเงียบ ๆ สำหรับยุคแห่งการตรวจสอบ” ของ Ethereum โดยเป็นการจัดแนวทางระหว่างความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎหมายเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการยอมรับของสถาบันที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมแต่ยังคงต้องอยู่ภายใต้กรอบการตรวจสอบของหน่วยงานกำกับดูแล.
ที่มา: @iamjosephyoung

