ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังพิจารณาเพิ่มการกำกับดูแลธุรกรรมทองคำในประเทศ เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่าเงินบาท โดยเฉพาะการซื้อขายทองคำในสกุลเงินบาทที่มีผลทำให้ค่าเงินมีความผันผวนในบางช่วง
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธุรกิจทองคำในปัจจุบันยังไม่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังพิจารณาเพื่อขยายบทบาทในการควบคุมเพิ่มเติม โดยธปท. อยู่ระหว่างการปรับประกาศกระทรวงการคลังเพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการติดตามผลกระทบของการซื้อขายทองคำ
ทั้งนี้ธุรกิจทองคำในประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จากการซื้อขายที่ร้านทองไปสู่การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ ธปท. ต้องเข้ามาดูแล เนื่องจากการซื้อขายเหล่านี้ได้สร้างจุดบอดทางข้อมูล
จุดบอดของข้อมูล : การใช้คริปโทฯ และธุรกรรมนอกประเทศ
นายวิทัย ยังกล่าวถึง ช่องทางที่ทำให้ ธปท. มองไม่เห็นธุรกรรม โดยเฉพาะหากร้านทอง หรือบริษัททองคำ ไปทำธุรกรรม FX กับธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ หรือที่น่ากังวลกว่าคือ “การส่งออกสินค้า แล้วชำระราคาด้วยสกุลเงินคริปโทฯ เช่น การส่งออกไปกัมพูชา ธปท. ก็จะไม่เห็นธุรกรรมเหล่านี้เช่นกัน”
ผู้ว่าการ ธปท. ยอมรับตรงๆ ว่า “ยอมรับว่า เราไม่มีอำนาจกำกับธุรกิจทองคำโดยตรง แต่มีแผนที่จะใช้พระราชบัญญัติซื้อขายเงินตราต่างประเทศ เพื่อขยายบทบาท และขอข้อมูลบางส่วนที่จำเป็น เพื่อให้เข้าใจธุรกรรมมากขึ้น และจะเข้ามายื่นมือช่วยแก้ปัญหา หากเงินบาทประสบปัญหา”
ปัจจัยเฉพาะที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในปีนี้ นอกเหนือจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าแล้ว ยังมีเรื่อง “การซื้อขายทองคำของคนไทย ผ่าน online platform” เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงต่อเนื่อง ลูกค้ามักจะขายทองในสกุลเงินบาทกับร้านทอง ซึ่งร้านทองจะต้องไปขายทองคำต่อกับคู่ค้าต่างประเทศ พร้อมกับการทำธุรกรรม FX ป้องกันความเสี่ยง ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านการแข็งค่าของเงินบาท
จุดยืนค่าเงินบาท และการใช้ QE
ในส่วนของค่าเงินบาท ผู้ว่าการ ธปท. ส่งสัญญาณว่า “ธปท.อยากเห็นค่าเงินบาทที่อ่อน เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงข้อเสนอเกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณเงิน หรือการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยนายวิทัยชี้แจงว่า สำหรับบริบทของประเทศไทยในปัจจุบัน “การทำ QE โดยการเข้าซื้อพันธบัตรอาจจะไม่ใช่ timing ที่เหมาะสม และไม่ได้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้มากนัก” เนื่องจากภาคธุรกิจไทยส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการระดมทุนผ่านธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก
ดังนั้นการลดอัตราผลตอบแทนระยะยาว ผ่านการซื้อพันธบัตร จึงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจจำกัด การแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่าคือ การลดต้นทุนความเสี่ยง เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น
สำหรับบทบาทการดูแลค่าเงิน ธปท. จะดูแลความผันผวนเป็นหลัก ภายใต้เกณฑ์การพิจารณาของ US Treasury ที่กำหนด 3 ข้อ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็น currency manipulator โดยนายวิทัยกล่าวว่า “เกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ ธปท. สามารถเข้าซื้อดอลลาร์ เพื่อลดความผันผวน ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถ “ตรึง” ค่าเงินบาท หรือเทเงินเข้าตลาด เพื่อทำให้ค่าเงินอ่อนค่า ผิดไปจากกลไกตลาดได้อย่างเต็มที่ เพราะจะถือว่าผิดเกณฑ์นี้”

