วงการคริปโตเคอร์เรนซีต้องจับตามองอีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่านักลงทุนสถาบันรายใหญ่ของโลกอย่าง BlackRock ได้มีการเทขาย Bitcoin ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่าลูกค้าของ BlackRock ได้ขาย Bitcoin ผ่านกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ETF เป็นมูลค่ารวมกว่า 74.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา
แม้ว่าตัวเลข 74 ล้านดอลลาร์จะดูสูงในสายตานักลงทุนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ทั้งหมดของกองทุน IBIT ที่มีอยู่กว่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว การขายออกในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียง ไม่ถึง 0.2%เท่านั้น
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายจึงมองว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจเป็นเพียงการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนตามปกติของลูกค้าสถาบัน (Rebalancing) มากกว่าที่จะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อ Bitcoin ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ราคา Bitcoin กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบบริเวณ 95,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักในเดือนพฤศจิกายน
ข่าวการขาย Bitcoin ของ BlackRock ได้สร้างแรงกระเพื่อมในชุมชนนักเทรดคริปโตพอสมควร โดยมีความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย นักลงทุนบางส่วนมองว่าการย่อตัวของราคาจากการขายครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีในการเข้าซื้อสะสม (Buy the Dip) โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งใช้โอกาสนี้ในการโปรโมตเหรียญทางเลือก (Altcoins) อื่นๆ โดยมองว่าเงินทุนอาจกำลังไหลออกจาก Bitcoin ไปสู่สินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่า
ไม่ว่าการขายในครั้งนี้จะมีนัยสำคัญอย่างไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเคลื่อนไหวของ BlackRock และกองทุน ETF ขนาดใหญ่ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและทิศทางของตลาดคริปโตโดยรวม โดยนับตั้งแต่มีการเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF ในปี 2024 มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรวมแล้วกว่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin ที่ยังคงแข็งแกร่ง
ที่มา: @WhaleInsider

