ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความฮือฮาส่งท้ายปี 2025 ด้วยการประกาศกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคมว่า ชาวอเมริกันอาจได้เห็น “การยกเลิกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” อย่างถาวรในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเขาเชื่อมั่นว่ารายได้มหาศาลจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า (Tariffs) จะเพียงพอที่จะนำมาบริหารประเทศ แถมยังมีเงินเหลือเฟือที่จะแจกเป็น “เงินปันผล” คืนให้กับประชาชนอีกด้วย
แผนเหนือเมฆ เปลี่ยนภาษีนำเข้าเป็นรายได้หลัก
ทรัมป์ระบุว่ามาตรการภาษีนำเข้าของเขากำลังทำเงินเข้าคลังได้เป็น “ล้านล้านดอลลาร์” ซึ่งมากพอที่จะลดหนี้สาธารณะและทดแทนภาษีเงินได้ที่เก็บจากประชาชน “ในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้ คุณจะไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้อีกต่อไป หรือถ้ามีก็แค่นิดเดียวเพื่อความสนุก เพราะเงินที่เราได้จากภาษีนำเข้านั้นมันมหาศาลมาก” ทรัมป์กล่าวด้วยความมั่นใจ โดยคาดว่ากระบวนการนี้อาจเกิดขึ้นจริงภายใน 2-4 ปีข้างหน้า
นักเศรษฐศาสตร์กุมขมับ ตัวเลขไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตาม ฝั่งนักวิชาการกลับมองว่านี่คือ “ฝันกลางวัน” ที่เป็นไปไม่ได้ในทางคณิตศาสตร์ ข้อมูลจากกระทรวงการคลังระบุว่า
- รายได้จากภาษีบุคคลธรรมดา ทำเงินให้รัฐบาลถึง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ (คิดเป็น 54% ของรายได้ทั้งหมด)
- รายได้จากภาษีนำเข้า (ปีปัจจุบัน) เก็บได้เพียง 2.58 แสนล้านดอลลาร์ เท่านั้น
Dean Baker นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเตือนว่า หากทำตามแผนนี้จริง สหรัฐฯ จะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นทันทีราว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ และยอดขาดดุลรวมจะพุ่งทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 13% ของ GDP ซึ่งถือเป็นหายนะทางเศรษฐกิจ
รมว.คลัง แบ่งรับแบ่งสู้
ด้าน Scott Bessent รัฐมนตรีคลัง ดูจะสงวนท่าทีมากกว่า โดยมองว่ารายได้จากภาษีนำเข้าอาจนำมาใช้ “ลดหย่อน” ภาษีบางรายการได้ตามที่หาเสียงไว้ เช่น การยกเลิกภาษีทิป, ภาษีประกันสังคม และภาษีค่าล่วงเวลา (Overtime) มากกว่าที่จะเป็นการยกเลิกภาษีเงินได้ทั้งหมดแบบถอนรากถอนโคน
ที่มา: CPA

