<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bond Yield ญี่ปุ่น 30 ปีพุ่งนิวไฮ! เซ่นพิษนโยบายขัดแย้ง “BOJ ขึ้นดอก-รัฐอัดฉีด”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดการเงินญี่ปุ่นเกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) อายุ 30 ปี พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.43% ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งเชิงนโยบายที่ลึกซึ้งในโตเกียว เมื่อธนาคารกลางส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับรัฐบาลที่เพิ่งประกาศอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาลไปเพียงไม่กี่วัน

แรงเทขายพันธบัตรระยะยาวอย่างหนักหน่วงนี้ เกิดจากการที่นักลงทุนเร่งปรับพอร์ตรับมือการเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ย โดยตลาดประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงถึง 76% ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคมที่จะถึงนี้ หลังจากที่ผู้ว่าการคาซึโอะ อุเอดะ ได้ส่งสัญญาณสายเหยี่ยว (Hawkish) ถึงความจำเป็นในการก้าวออกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแบบสุดโต่งที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการคุมเข้มทางการเงินดังกล่าวกลับยืนอยู่คนละขั้วกับการกระทำของฝั่งรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งอนุมัติแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นการแจกเงินอุดหนุนเด็กและให้ส่วนลดค่าพลังงานเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ

การดำเนินนโยบายที่พร้อมกันทั้ง “เหยียบคันเร่ง” (อัดฉีดเงินกระตุ้น) และ “เหยียบเบรก” (เตรียมขึ้นดอกเบี้ย) สร้างความสับสนให้กับผู้สังเกตการณ์ตลาดเป็นอย่างมาก จนสำนักวิเคราะห์การเงินชื่อดังอย่าง The Kobeissi Letter ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกตินี้ว่า “ญี่ปุ่นกำลังพิมพ์เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนี่ยนะ? มีบางอย่างกำลังพังทลายแล้ว”

ความตึงเครียดระหว่างนโยบายการคลังและการเงินที่ขัดแย้งกันนี้ ตอกย้ำถึงจุดเปราะบางสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงถึง 215% การที่บอนด์ยีลด์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังสร้างความเสี่ยงที่จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยพยุงการเติบโตก็ตาม สถานการณ์นี้กำลังสะท้อนความกังวลระดับโลกเกี่ยวกับการแบกรับภาระหนี้สิน ในขณะที่ประเทศเศรษฐกิจหลักพยายามหาทางออกจากยุคดอกเบี้ยติดลบอันยาวนาน

ที่มา: @KobeissiLetter