(19 ธันวาคม 2025) – ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจสหรัฐฯ และจีน ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเฉียบพลันในวันศุกร์นี้ เมื่อรัฐบาลปักกิ่งออกประกาศเตือนด้วยถ้อยคำที่แข็งกร้าวว่า สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับ “ผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง” (serious consequences) หากยังเดินหน้าดำเนินการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมให้กับไต้หวัน
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารครั้งประวัติศาสตร์ให้กับไต้หวันเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการสนับสนุนทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของวอชิงตันต่อเกาะที่ปกครองตนเองแห่งนี้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน
แม้ว่าทางการจีนจะยังไม่ได้ระบุรายละเอียดแน่ชัดว่ามาตรการตอบโต้หรือ “ผลที่ตามมา” ดังกล่าวคือสิ่งใด แต่การใช้ภาษาทางการทูตที่ยกระดับความรุนแรงขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นของปักกิ่ง จีนมองว่าการขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวันเป็นการละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างร้ายแรง และเป็นปัจจัยบ่อนทำลายเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
การอนุมัติแพ็คเกจอาวุธยักษ์ใหญ่นี้ ได้ตอกย้ำถึงความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างสองมหาอำนาจโลก โดยสื่อต่างๆ ที่รายงานข่าวนี้ได้เผยแพร่ภาพของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในท่าทีที่แสดงออกอย่างหนักแน่น และภาพประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขณะกำลังกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งสื่อให้เห็นถึงการเผชิญหน้าที่ตึงเครียดในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญจุดนี้
ผู้สังเกตการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตามพลวัตของกลุ่มประเทศ BRICS กำลังจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือเป็นบททดสอบสำคัญของการแข่งขันทางอำนาจระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่กำลังทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา: @BRICSinfo