ในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2026 พร้อมความหวังถึงการกลับมาของปรากฏการณ์ “Altseason” ที่เหรียญคริปโตขนาดเล็กจะพุ่งทะยานยกแผง แต่ Jeff Ko หัวหน้านักวิเคราะห์จาก CoinEx กลับออกมาดับฝันนักลงทุน ด้วยการชี้ให้เห็นถึง “ความจริงอันโหดร้าย” กำลังรออยู่ เพราะสภาพคล่องในตลาดรอบนี้จะไม่กระจายตัวเหมือนในอดีต แต่จะไหลเข้าหาเพียงกลุ่ม“Blue-chip” หรือโปรเจกต์เหรียญคริปโตระดับแถวหน้าที่พิสูจน์ตัวเองแล้วเท่านั้น
Jeff Ko อธิบายว่า โมเดลขาขึ้นแบบเดิมที่เหรียญขนาดเล็กพุ่งตาม Bitcoin กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต เนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องถูกถือครองโดยสถาบันและโปรเจกต์เหรียญบูลชิปเป็นหลัก ทำให้ขาขึ้นรอบหน้าจะเป็นการขึ้นแบบ “เฉพาะตัว” โปรเจกต์ที่ไม่มีการใช้งานจริงหรือขาดการยอมรับอาจต้องเผชิญกับภาวะซบเซา แม้ตลาดภาพรวมจะดูเหมือนเป็นขาขึ้นก็ตาม
ที่น่าสนใจคือ Ko สังเกตเห็นความผิดปกติของความสัมพันธ์ระหว่างราคา Bitcoin และปริมาณเงินสำรอง M2 ที่เริ่มแยกทางกันนับตั้งแต่การเปิดตัวกองทุน ETF ในปี 2024 อย่างไรก็ตามเขายังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว โดยทำนายว่าราคา Bitcoin มีสิทธิพุ่งแตะระดับ $180,000 ได้ภายในปี 2026 แม้ทิศทางเศรษฐกิจมหภาคจะยังมีความผันผวนสูงก็ตาม
ในอีกด้านหนึ่ง Peter Brandt นักเทรดระดับตำนาน กลับมองภาพที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเขาคาดการณ์ว่าปี 2026 อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “ตลาดหมีสุดขั้ว” Brandt วิเคราะห์จากสถิติตลอด 15 ปีที่ผ่านมาว่า ทุกครั้งที่ Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในลักษณะพาราโบลา มักจะตามมาด้วยการปรับฐานอย่างน้อย 80% เสมอ
หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย Brandt มองว่า Bitcoin อาจร่วงลงไปทดสอบระดับ $25,000 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับวัฏจักร 4 ปี พอดิบพอดี ก่อนที่ราคาจะกลับมาเฉิดฉายและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งในช่วงปี 2029
ปัจจุบันเหล่านักวิเคราะห์ต่างแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าการมาถึงของสถาบันและ ETF ได้ทำลายวัฏจักรเดิมๆ ไปแล้ว ขณะที่อีกฝ่ายยังคงยึดมั่นในสถิติขาลงที่รุนแรง แม้จะยังไม่มีอะไรการันตีว่าปี 2026 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวหรือหายนะ แต่นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับตลาดที่ “เลือกข้าง” มากกว่าที่ผ่าน ๆ มา
ที่มา : Cointelegraph