<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

2025 สุดช้ำ! Bitcoin อ่อนแอ เงินไม่ไหลกลับ ขณะที่หุ้น-ทองคำ-เงิน ทำ ATH ใหม่ต่อเนื่อง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในวันนี้ (24 ธันวาคม) บรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสอีฟได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการปิดฉาก 12 เดือนที่แสนดุเดือดของโลกการลงทุน ทว่าในปี 2025 ที่หลายคนเคยคาดหวังว่าจะเป็น “ปีทอง” ของ Bitcoin กลับกลายเป็นปีที่ราชาแห่งคริปโตต้องตกที่นั่งลำบาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างร้อนแรงจนขโมยซีนไปหมด

ข้อมูลสถิติเปิดเผยว่าหากนักลงทุนถือครอง Bitcoin ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จะพบกับผลตอบแทนที่น่าผิดหวังด้วยตัวเลขติดลบถึง -6.16% (YTD) ซึ่งถือเป็นปีที่ราชาแห่งคริปโตเคอร์เรนซีทำผลงานได้ย่ำแย่เมื่อเทียบกับความคาดหวังในตอนแรก

กลับกันเมื่อลองมองไปที่สินทรัพย์อื่นๆ อย่างทองคำ กลับให้อัตราผลตอบแทนที่สูงถึง 72.11% ในปีนี้ ตามด้วยแร่เงิน ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 140% ส่วนหุ้นเองก็ไม่น้อยหน้าเพราะดัชนีหลักอย่าง S&P500  ได้พุ่งขึ้นมา 17.05% เช่นกัน

ตัดภาพกลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน Bitcoin ยังคงประสบกับปัญหาไม่มีเงินไหลเข้าเนื่องจากสินทรัพย์อื่นๆ น่าดึงดูดมากกว่า ทำให้ราคายังคงติดอยู่ในกรอบเดิมที่ $87,000 – $89,000 ขณะที่หุ้นในกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวโยงกับคริปโตไม่ว่าจะเป็น Coinbase, MicroStrategy หรือ Circle ต่างก็กอดคอกันดิ่งลงตามความเชื่อมั่นที่ถดถอย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาของคริปโตชะลอตัวในช่วงปลายปีเป็นผลมาจากปัจจัยด้านสภาพคล่องที่ต่ำ ประกอบกับนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนเพื่อทำให้เกิด “Realize Losses” และนำมันไปคำนวนการจ่ายภาษี

ประกอบกับกลุ่มผู้จัดการกองทุนและสถาบันการเงินต่างพยายามปรับพอร์ตเพื่อปิดงบประจำปีให้สวยงาม ซึ่งบางรายมีความต้องการที่จะถอดคริปโตเคอร์เรนซีออกจากบัญชีเพื่อไม่ให้แสดงในรายงานสินทรัพย์ตอนสิ้นปี นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันมหาศาลจากการหมดอายุของสัญญาออปชันในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่บีบให้ราคา Bitcoin ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ไกล

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศที่คลุมเครือ หลายฝ่ายยังคงมีความหวังว่าในปี 2026 สถานการณ์การลงทุนอาจจะพลิกกลับมาสดใสอีกครั้ง โดยได้รับอานิสงส์จากสภาพคล่องในระบบที่คาดว่าจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงแรงกระตุ้นจากการเมืองสหรัฐฯ ในเรื่องการแต่งตั้งประธานเฟดคนใหม่ที่มีท่าทีสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยปลดล็อกความกดดันและดึงดูดเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้งในอนาคต