ลืมภาพจำของตลาดมืดบนดาร์กเว็บอย่าง Silk Road หรือ AlphaBay ไปได้เลย เพราะวันนี้อาชญากรไซเบอร์ไม่ต้องหลบซ่อนตัวอยู่หลังเบราว์เซอร์ Tor อีกต่อไป แต่ย้ายมาทำธุรกิจกันอย่างโจ่งแจ้งบนแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง Telegram
รายงานล่าสุดจาก Elliptic บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนระดับโลก ระบุว่าในปี 2025 ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดได้ก่อตัวขึ้นในคราบตลาดภาษาจีนที่ชื่อว่า “Tudou Guarantee” และ “Xinbi Guarantee” โดยมียอดธุรกรรมฟอกเงินรวมกันสูงถึงเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ต่อเดือน ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ตลาดเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ฟอกเงินเท่านั้น แต่เปรียบเสมือน “ห้างสรรพสินค้าไร้กฎหมาย” ที่รวบรวมตั้งแต่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกขโมยมา, เว็บไซต์ลงทุนปลอม, เครื่องมือ Deepfake AI สำหรับต้มตุ๋น ไปจนถึงธุรกิจที่ดำมืดที่สุดอย่างการค้ามนุษย์และการค้าประเวณีเด็ก
ที่น่ากังวลคือ ตลาดเหล่านี้คือ ท่อน้ำเลี้ยงหลักของขบวนการ “Pig Butchering” หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ฐานปฏิบัติการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างความเสียหายให้กับเหยื่อทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียว FBI ระบุว่ามูลค่าความเสียหายสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
แม้ช่วงต้นปีที่ผ่านมา Telegram จะพยายามกวาดล้างบัญชีเหล่านี้ แต่ดูเหมือนจเป็นเพียงการ “ตัดหญ้าที่ยิ่งทำให้รากแตกแขนง” เพราะเหล่ามิจฉาชีพสามารถเปิดบัญชีใหม่และกลับมาดำเนินกิจการได้ในเวลาอันรวดเร็ว
Tom Robinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Elliptic ถึงกับออกปากว่า ในโลกของการใช้คริปโตในทางที่ผิด “ไม่มีอะไรจะใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว” ขนาดอดีตเจ้าตลาดอย่าง Hydra หรือ AlphaBay ที่ว่าแน่ ยังเทียบไม่ได้กับปริมาณธุรกรรมของกลุ่มตลาดจีนบน Telegram ในปัจจุบัน
ตลาดเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดแค่บริการฟอกเงิน แต่กลายเป็น “ซูเปอร์มาร์เก็ต” สำหรับสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตั้งแต่การขายข้อมูลที่ถูกขโมย เว็บไซต์ลงทุนปลอม เครื่องมือ Deepfake AI ไปจนถึงบริการผิดกฎหมายร้ายแรงอย่างการค้าประเวณี เด็ก และบริการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการหลักของกลุ่มมิจฉาชีพ “Pig Butchering” ที่สร้างความเสียหายให้เหยื่อในสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวปีละราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ FBI
ประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือท่าทีของ Telegram ที่ดูจะ “แบ่งรับแบ่งสู้” โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากแบนแบบเหมาเข่ง เพราะมองว่าช่องทางเหล่านี้ช่วยให้ชาวจีนหลีกเลี่ยงการควบคุมเงินทุนได้ แต่ฝั่งนักวิเคราะห์โต้แย้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออาชญากรรมล้วนๆ ไม่ใช่เสรีภาพทางการเงิน
นอกจากนี้ Tether ( USDT) ยังถูกตั้งคำถามในฐานะสกุลเงินหลักที่ใช้ในการฟอกเงิน แม้ตัวบริษัทจะมีอำนาจในการสั่งอายัดทรัพย์สิน แต่กลับแทบไม่มีการเข้าแทรกแซงกระแสเงินมหาศาลที่ไหลวนอยู่ในตลาดมืดเหล่านี้เลย
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมองว่า การรับมือกับขบวนการต้มตุ๋นข้ามชาติในปัจจุบันยังถือว่า “หละหลวม” และขาดความเร่งด่วน หากนานาชาติยังไม่ร่วมมือกันกดดันอย่างจริงจังแบบเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดหรือการก่อการร้าย วิกฤตตลาดมืดบน Telegram นี้จะยังคงขยายตัวเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโตสืบเนื่องไปจนถึงปี 2569 อย่างแน่นอน
ที่มา:wired

